กทม.เตรียมตั้งคณะกรรมการชุมชน-ทำประชาพิจารณ์แก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดในเมืองกรุง ดึงคนในพื้นที่ร่วมแก้ปัญหา พร้อมตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณายกร่างข้อบัญญัติกรุงเทพธนาคม และแก้ไขเพิ่มเติมพัสดุ กทม.แล้ว
นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกประจำกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2552 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าแล้วจำนวน 3 ราย ที่เขตวังทองหลาง 1 ราย เขตบางขุนเทียนอีก 2 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่พบเพียง 1 ราย และส่วนใหญ่จะพบผู้เสียชีวิตเพียงปีละ 1 รายเท่านั้น เบื้องต้นคณะผู้บริหาร กทม.ได้หารือถึง แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า เบื้องต้นจะมีการดำเนินการโดยแยกเป็น 2 กรณี ดังนี้ กรณีสุนัขบ้าน กทม.จะส่งเสริมให้ประชาชนเลี้ยงสุนัขอย่างถูกต้อง และดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรค และผู้เลี้ยงต้องนำสุนัขมาขึ้นทะเบียน ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัข พ.ศ. 2548 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้จดทะเบียนรวมทั้งการฝังไมโครชิป เพื่อป้องกันและติดตามในกรณีที่มีการปล่อยสุนัข
นายธราดล กล่าวอีกว่า กรณีสุนัขจรจัด กทม. จะตั้งคณะกรรมการดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องสัตว์ขึ้น โดยจะจัดตั้งเป็นคณะกรรมการในระดับชุมชนของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะคัดเลือกคนในชุมชนนั้นๆ ทำหน้าที่สอดส่องดูแลพื้นที่ของตนในเรื่องจำกัดจำนวนสุนัขจรจัด โดยเฉพาะการทำหมันสุนัข ดังนั้น การดึงคนในพื้นที่มาดำเนินการน่าจะง่ายกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นต้องให้ได้ความเห็นชอบทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชุมชนดังกล่าวจะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อน เพื่อขอความเห็นชอบก่อนดำเนินการจริง นอกจากนี้ จะมีการจัดหาอาสาสมัครเครือข่ายเพื่อช่วยดูแลสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ที่สำคัญต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และการดูแลรักษาบาดแผลเบื้องต้นเมื่อถูกสุนัขกัด รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขจรจัดและสัตว์เลี้ยงในสถานที่เป้าหมาย เช่น วัด ชุมชน ฯลฯ อีกทั้ง จะมีการขอความร่วมมือจากสถานพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินการดูแลรักษาผู้ถูกสุนัขกัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
นายธราดล กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารเห็นควรให้มีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เนื่องการพัสดุ และยกร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง บริษัทที่ กทม.จัดตั้ง พ.ศ...โดยเหตุผลหลักที่จะต้องมีการยกร่างฯดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ซึ่งเป็นบริษัทที่ กทม.ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.98 จึงถือว่าอยู่ในความควบคุม กำกับ ของ กทม.แต่ยังมีปัญหาเรื่องการตีความ ว่า บริษัท กรุงเทพธนาคมฯ เป็นบริษัทที่กทม.จัดตั้งหรือไม่ การที่บริษัทกรุงเทพธนาคม เสมือนบริษัทลูกของ กทม. แต่ยังไม่มีข้อบัญญัติกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง กทม.กับบริษัท กรุงเทพธนาคม ไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น คณะผู้บริหาร กทม.จึงได้เสนอให้มีการยกร่างและแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติฯ ดังกล่าว โดยประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติพัสดุ กทม.นั้นให้บริษัทบริษัทกรุงเทพธนาคม มีความหมายเป็นบริษัทที่กทม.จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ครอบคลุมถึงบริษัทที่ กทม.จัดตั้งขึ้น หรือถือหุ้นในอนาคตด้วย โดยครอบคลุมถึงบริษัทที่ กทม.ถือหุ้นเกินร้อยละ 50 กทม.สามารถเป็นคู่สัญญากับบริษัทกรุงเทพธนาคมฯ ได้ด้วยการจัดหาพัสดุโดยวิธีกรณีพิเศษ และให้กทม.สามารถเป็นผู้ผลิต ผู้ทำงานจ้าง หรือบริษัทที่ผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้อนุมัติจัดซื้อจัดจ้างข้อใดข้อหนึ่งก็ได้
ในส่วนของการยกร่างข้อบัญญัติบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด จะมีเนื้อหาสาระสำคัญคือให้อำนาจผู้ว่าฯกทม.เสนอชื่อผู้แทน กทม.ต่อที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น, การก่อหนี้ครั้งละเกิน 50 ล้านบาท บริษัทต้องมีหนังสือแจ้ง ผู้ว่าฯ กทม.ก่อน และผู้ว่าฯ กทม.อาจจัดงบประมาณให้เป็นทุน ส่วนประเด็นสำคัญตามร่างข้อบัญญัติ กทม.เรื่องบริษัทที่กทม.ก่อตั้ง จัดตั้ง หรือถือหุ้น นั้น มีประเด็นสำคัญคือ บริษัทจำกัดซึ่ง กทม.ร่วมกับบุคคลอื่น ก่อตั้ง จัดตั้ง หรือถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 การให้บริษัทจัดโครงสร้างระบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อรองรับการเป็นคู่สัญญากับ กทม.และบริษัทต้องนำส่งกำไรสุทธิให้แก่ กทม.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ซึ่งหากยกร่างดังกล่าวผ่านการเห็นชอบจากสภา กทม.จะทำให้ กทม.และกรุงเทพธนาคม มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นมีความคล่องตัวในการให้กรุงเทพธนาคมไปทำกิจการใดมากขึ้น
นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกประจำกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2552 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าแล้วจำนวน 3 ราย ที่เขตวังทองหลาง 1 ราย เขตบางขุนเทียนอีก 2 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่พบเพียง 1 ราย และส่วนใหญ่จะพบผู้เสียชีวิตเพียงปีละ 1 รายเท่านั้น เบื้องต้นคณะผู้บริหาร กทม.ได้หารือถึง แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า เบื้องต้นจะมีการดำเนินการโดยแยกเป็น 2 กรณี ดังนี้ กรณีสุนัขบ้าน กทม.จะส่งเสริมให้ประชาชนเลี้ยงสุนัขอย่างถูกต้อง และดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรค และผู้เลี้ยงต้องนำสุนัขมาขึ้นทะเบียน ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสุนัข พ.ศ. 2548 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้จดทะเบียนรวมทั้งการฝังไมโครชิป เพื่อป้องกันและติดตามในกรณีที่มีการปล่อยสุนัข
นายธราดล กล่าวอีกว่า กรณีสุนัขจรจัด กทม. จะตั้งคณะกรรมการดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องสัตว์ขึ้น โดยจะจัดตั้งเป็นคณะกรรมการในระดับชุมชนของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะคัดเลือกคนในชุมชนนั้นๆ ทำหน้าที่สอดส่องดูแลพื้นที่ของตนในเรื่องจำกัดจำนวนสุนัขจรจัด โดยเฉพาะการทำหมันสุนัข ดังนั้น การดึงคนในพื้นที่มาดำเนินการน่าจะง่ายกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นต้องให้ได้ความเห็นชอบทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชุมชนดังกล่าวจะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อน เพื่อขอความเห็นชอบก่อนดำเนินการจริง นอกจากนี้ จะมีการจัดหาอาสาสมัครเครือข่ายเพื่อช่วยดูแลสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ที่สำคัญต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และการดูแลรักษาบาดแผลเบื้องต้นเมื่อถูกสุนัขกัด รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขจรจัดและสัตว์เลี้ยงในสถานที่เป้าหมาย เช่น วัด ชุมชน ฯลฯ อีกทั้ง จะมีการขอความร่วมมือจากสถานพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินการดูแลรักษาผู้ถูกสุนัขกัดให้เป็นไปตามมาตรฐาน
นายธราดล กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะผู้บริหารเห็นควรให้มีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เนื่องการพัสดุ และยกร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง บริษัทที่ กทม.จัดตั้ง พ.ศ...โดยเหตุผลหลักที่จะต้องมีการยกร่างฯดังกล่าวขึ้นมา เนื่องจากบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ซึ่งเป็นบริษัทที่ กทม.ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 99.98 จึงถือว่าอยู่ในความควบคุม กำกับ ของ กทม.แต่ยังมีปัญหาเรื่องการตีความ ว่า บริษัท กรุงเทพธนาคมฯ เป็นบริษัทที่กทม.จัดตั้งหรือไม่ การที่บริษัทกรุงเทพธนาคม เสมือนบริษัทลูกของ กทม. แต่ยังไม่มีข้อบัญญัติกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง กทม.กับบริษัท กรุงเทพธนาคม ไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น คณะผู้บริหาร กทม.จึงได้เสนอให้มีการยกร่างและแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติฯ ดังกล่าว โดยประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบัญญัติพัสดุ กทม.นั้นให้บริษัทบริษัทกรุงเทพธนาคม มีความหมายเป็นบริษัทที่กทม.จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ครอบคลุมถึงบริษัทที่ กทม.จัดตั้งขึ้น หรือถือหุ้นในอนาคตด้วย โดยครอบคลุมถึงบริษัทที่ กทม.ถือหุ้นเกินร้อยละ 50 กทม.สามารถเป็นคู่สัญญากับบริษัทกรุงเทพธนาคมฯ ได้ด้วยการจัดหาพัสดุโดยวิธีกรณีพิเศษ และให้กทม.สามารถเป็นผู้ผลิต ผู้ทำงานจ้าง หรือบริษัทที่ผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้อนุมัติจัดซื้อจัดจ้างข้อใดข้อหนึ่งก็ได้
ในส่วนของการยกร่างข้อบัญญัติบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด จะมีเนื้อหาสาระสำคัญคือให้อำนาจผู้ว่าฯกทม.เสนอชื่อผู้แทน กทม.ต่อที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น, การก่อหนี้ครั้งละเกิน 50 ล้านบาท บริษัทต้องมีหนังสือแจ้ง ผู้ว่าฯ กทม.ก่อน และผู้ว่าฯ กทม.อาจจัดงบประมาณให้เป็นทุน ส่วนประเด็นสำคัญตามร่างข้อบัญญัติ กทม.เรื่องบริษัทที่กทม.ก่อตั้ง จัดตั้ง หรือถือหุ้น นั้น มีประเด็นสำคัญคือ บริษัทจำกัดซึ่ง กทม.ร่วมกับบุคคลอื่น ก่อตั้ง จัดตั้ง หรือถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 การให้บริษัทจัดโครงสร้างระบบการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อรองรับการเป็นคู่สัญญากับ กทม.และบริษัทต้องนำส่งกำไรสุทธิให้แก่ กทม.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ซึ่งหากยกร่างดังกล่าวผ่านการเห็นชอบจากสภา กทม.จะทำให้ กทม.และกรุงเทพธนาคม มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นมีความคล่องตัวในการให้กรุงเทพธนาคมไปทำกิจการใดมากขึ้น
