สาธารณสุขคาดไทยมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ปีละ 700,000-900,000 ราย ต้องนอนโรงพยาบาลด้วยภาวะแทรกซ้อนรุนแรงปีละ 12,000-75,000 ราย ระบุผู้สูงอายุเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนง่ายกว่าคนทั่วไป 11 เท่า เตรียมพร้อมวัคซีนป้องกันปีนี้ 1.8 ล้านโดส
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัด ไข้หวัดนก และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าไข้หวัดใหญ่เป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน พบได้บ่อยทุกกลุ่มอายุ จากผลการศึกษาวิจัยของผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย คาดมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศปีละ 700,000-900,000 ราย โดยมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลปีละ 12,575-75,801 ราย หรือประมาณร้อยละ 8 ก่อให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 913-2,453 ล้านบาท นอกจากนี้ ประเทศไทยมีผลการศึกษาถึงโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ พบว่าผู้สูงอายุมีโอกาสเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่นถึง 11 เท่าตัว กลุ่มโรคทางเดินหายใจมีโอกาสเสี่ยงเกือบ 8 เท่า การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชน สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ถึงร้อยละ 50 และในกลุ่มผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังสามารถลดได้ถึง 4 เท่า
ในปี 2552 สธ.และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่จำนวน 1,790,000 โดส ฉีดป้องกันในกลุ่มประชาชนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้ ร่างกายอ่อนแอ มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยสูง และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนอาจเสียชีวิตได้ โดยจะเริ่มฉีดในวันที่ 1กรกฎาคม-31 สิงหาคม 2552 นอกจากนี้ ยังได้ฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อไข้หวัดใหญ่ รวมถึงเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกจำนวน 400,000 โดสด้วย
ด้าน นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีป้องกันการป่วยและเสียชีวิตของประชาชนอย่างได้ผล วัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันโรคได้ร้อยละ 70-90 โดยป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ 3 สายพันธุ์ ตามคำแนะนำองค์การอนามัยโลก ในปี 2551 กระทรวงสาธารณสุขได้ฉีดวัคซีนป้องกัน 520,000 คน พบว่าได้ผลดีมาก มีผู้เสียชีวิตเพียง 4 รายเท่านั้น
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัด ไข้หวัดนก และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ที่อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าไข้หวัดใหญ่เป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน พบได้บ่อยทุกกลุ่มอายุ จากผลการศึกษาวิจัยของผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย คาดมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศปีละ 700,000-900,000 ราย โดยมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลปีละ 12,575-75,801 ราย หรือประมาณร้อยละ 8 ก่อให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 913-2,453 ล้านบาท นอกจากนี้ ประเทศไทยมีผลการศึกษาถึงโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ พบว่าผู้สูงอายุมีโอกาสเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่นถึง 11 เท่าตัว กลุ่มโรคทางเดินหายใจมีโอกาสเสี่ยงเกือบ 8 เท่า การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชน สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ถึงร้อยละ 50 และในกลุ่มผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังสามารถลดได้ถึง 4 เท่า
ในปี 2552 สธ.และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่จำนวน 1,790,000 โดส ฉีดป้องกันในกลุ่มประชาชนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้ ร่างกายอ่อนแอ มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยสูง และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนอาจเสียชีวิตได้ โดยจะเริ่มฉีดในวันที่ 1กรกฎาคม-31 สิงหาคม 2552 นอกจากนี้ ยังได้ฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อไข้หวัดใหญ่ รวมถึงเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกจำนวน 400,000 โดสด้วย
ด้าน นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีป้องกันการป่วยและเสียชีวิตของประชาชนอย่างได้ผล วัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันโรคได้ร้อยละ 70-90 โดยป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ 3 สายพันธุ์ ตามคำแนะนำองค์การอนามัยโลก ในปี 2551 กระทรวงสาธารณสุขได้ฉีดวัคซีนป้องกัน 520,000 คน พบว่าได้ผลดีมาก มีผู้เสียชีวิตเพียง 4 รายเท่านั้น
