xs
xsm
sm
md
lg

ตะลึง! เด็กเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกลวงเป็นตังเกเพียบ เผยมีผู้ถูกหลอกลงเรือประมงเฉลี่ยวันละ 2-3 คน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
เผยสถานการณ์แรงงานเด็ก ช่วงปี 2551-2552 ได้รับการช่วยเหลือนำเข้าสู่ระบบการศึกษา ฝึกอบรม และด้านอื่นๆ ถึง 649 ราย ตะลึงกว่าครึ่งหรือร้อยละ 48.17 ของเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์โดยงานประมง ด้าน ปดส.แจงข้อมูลคนถูกล่อลวงให้ลงเรือวันละ 2-3 คน นายหน้าได้เงิน 4,000 บาท/หัว “อิสสระ” เผยรัฐบาลแต่งตั้งอนุกรรมการร่วมหลายภาคส่วน ศึกษา พิจารณาแนวทางช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ในรูปแบบงานประมง

วันนี้ (25 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ที่โรงแรมเอเซีย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา จัดงานสัมมนา “แนวทางการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์แรงงานภาคประมง” โดย นายอิสสระ สมชัย รมว.พม.เป็นประธาน พร้อมทั้งกล่าวว่า ประเทศไทยเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ 3 สถานะ คือ เป็นประเทศต้นทาง ทางผ่าน และปลายทาง ในรูปแบบของการบังคับค้าบริการทางเพศ บังคับใช้แรงงานด้วยการทารุณ เอารัดเอาเปรียบ บังคับขอทาน และการลักพาตัวเพื่อมีการแสวงหาประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย โดยมีเด็กและสตรีเป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด แต่ก็พบเช่นกันว่า ในปัจจุบันนี้มีผู้ชายได้รับความเสียหายจากการค้ามนุษย์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการถูกล่อลวงเพื่อบังคับใช้แรงงานทาสบนเรือประมง ทั้งนี้ เนื่องจากการประมงนอกน่านน้ำเป็นธุรกิจอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้จำนวนมาก ส่งผลให้เกิดความต้องการแรงงาน ขณะเดียวกัน สภาพการทำงานประมงถือว่าเป็นงานหนัก เสี่ยงอันตราย โดยทำงานกลางทะเลลึกนอกน่านน้ำไทยเป็นเวลานาน ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด บางรายถูกเอารัดเอาเปรียบเรื่องค่าจ้าง ถูกบังคับด้วยความรุนแรง เป็นต้น ทำให้แรงงานส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะทำงานภาคอุตสาหกรรมประมง และเมื่อเกิดการขาดแคลนแรงงาน ทำให้เกิดกระบวนการนายหน้าค้าแรงงานป้อนเข้าสู่เรือประมง โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งการล่อลวง ลักพาตัว ทำให้หมดสติ หรือการบังคับให้ทำงานใช้หนี้ขึ้น

“ที่ต้องให้ความสำคัญกับภาคประมงเป็นพิเศษ เพราะไทยเป็นประเทศที่มีเรือประมงมากที่สุดในบรรดาประเทศแถบเอเชียตอนล่าง ปัญหาที่ตามมา คือ การควบคุมคนงานนั้นทำได้ค่อนข้างลำบาก บางรายลักลอบลงเรือ สร้างหลักฐานการทำงานปลอม แต่จากการที่ตรวจก็พบว่ามีแรงงานผิดกฎหมายมาก นายจ้างไม่มีการควบคุมเวลาทำงาน และยังมีการใช้แรงงานเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี โดยมีแรงงานต่างด้าวที่มาจากประเทศพม่า กัมพูชา หลายฝ่ายจึงต้องเข้ามาร่วมมือเพื่อหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งตอนนี้ทางรัฐบาลก็ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อทำการศึกษา พิจารณาแนวทาง มาตรการป้องกัน ปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบแรงงานประมง โดยมีผู้แทนจากหลายหน่วยงานร่วมเป็นอนุกรรมการ เช่น กองบังคับการตำรวจน้ำ กองทัพเรือ กรมประมง กระทรวงแรงงาน และสมาคมประมงแห่งประเทศไทย เป็นต้น” รมว.พม.กล่าว

นางสุวจี กู๊ด ผู้แทนจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) กล่าวถึงรายงานสถานการณ์การบังคับใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ว่า แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดนั้น แบ่งได้เป็น 4 รูปแบบ คือ การใช้ทาส การซื้อขายเด็ก แรงงานขัดหนี้ แรงงานบังคับ, การใช้ จัดหา หรือเสนอเด็กเพื่อการค้าประเวณี เพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร, การใช้ จัดหาเด็กเพื่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการขนยาเสพติด, หรืองานที่ลักษณะงานมีสภาพแวดล้อมในการทำงานมีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัย ศีลธรรมของเด็ก และรูปแบบการทำงานที่เข้าข่ายเป็นแรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย อย่างเช่น การบังคับ หน่วงเหนี่ยว งานที่ต้องยกของหนักเกินกำหนด (ชาย 25 กิโลกรัม หญิง 20 กิโลกรัม) งานที่ต้องทำกลางแจ้งเป็นเวลานานเกินวันละ 8 ชั่วโมง งานที่เกี่ยวข้องกับการดำน้ำลึก ลากอวน งานที่เกี่ยวข้องกับของมีคมเครื่องจักร การทำงานที่นายจ้างใช้ความรุนแรง ทางกาย วาจา ที่กระทบต่อจิตใจ เป็นต้น

นางสุวจี กล่าวต่อว่า สถานการณ์แรงงานเด็กที่เลวร้าย(2551 - 2552) พบว่า จำนวนเหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากสภาวะและเข้าสู่ระบบการศึกษาหรือฝึกอบรม และการช่วยเหลือด้านอื่นๆ มีทั้งสิ้น 649 ราย เป็นชาย 311 ราย หญิง 338 ราย ในจำนวนนี้เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ในงานประมงและประมงต่อเนื่องทั้งสิ้นถึงร้อยละ 48.17 หรือเทียบได้ว่ากว่าครึ่งหนึ่งเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในงานประมง จากจำนวนเหยื่อแรงงานเด็กทั้งหมด ซึ่งในส่วนของมาตรการป้องกันและแก้ไขนั้นต้องมีการป้องกันนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด (2552-2557) มีการออกนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ออกกฎคุ้มครองเด็กทุกคนด้วยกฎหมายคุ้มครองเด็ก และคุ้มครองแรงงาน และมีการติดตาม เฝ้าระวังในการใช้แรงงานที่ชัดเจนมากขึ้น เพิ่มมาตรการการตรวจเรือชายฝั่งและน่านน้ำ ควบคู่กับการตรวจความปลอดภัยในการทำงาน และการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบต่างๆ

ด้าน พ.ต.ท.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผกก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี (บก.ปดส.) กล่าวว่า จากข้อมูลที่พบในเอกสารจากบ้านที่เข้าตรวจสอบว่าเป็นแหล่งกักขังเหยื่อเพื่อส่งต่อนั้น พบว่า มีเหยื่อถูกล่อลวงวันละ 2-3 คน ซึ่งจะส่งต่อเหยื่อไปสู่นายหน้าที่ท่าเรือต่างจังหวัด ทั้ง สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร โดยนายหน้าจะได้เงินอย่างน้อย 4,000 บาท/หัว ซึ่งในเดือนกรกฎาคม ปี 2551 ทีผ่านมา พบว่า รายได้ที่นายหน้าได้รับต่อเดือนอยู่ที่ 1.5 แสนบาท และในเดือนตุลาคม ปี 2551 ก็พบว่า รายได้ที่ได้รับเพิ่มเป็น 2 แสนบาท หากดูจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเป็นงานที่ใช้เพียงแค่การลงแรง คาดว่าจะมีผู้กระทำผิดมากขึ้นในอนาคต โดยที่ผ่านมาจะพบว่ามีการบังคับโดยเหยื่อไม่เต็มใจ แต่ในปัจจุบันจะเห็นว่า นายหน้ามีการพูดล่อหลอก ชักชวนให้เหยื่อตายใจ ทั้งค่าตอบแทน และลักษณะงานที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งเหยื่อจะไม่สามารถรับรู้ได้เลยถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทำให้ถูกหลอกในที่สุด

“กฎหมายการค้ามนุษย์ องค์ประกอบที่สำคัญคือ เหยื่อต้องถูกกระทำ หรือมีการบังคับใช้แรงงาน ซึ่งการพิสูจน์ในการทำประมง เป็นเรื่องยากที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเรือประมงทุกลำ เพียงแต่รู้แค่ว่ามีนายหน้า มีการกักขัง หลอกลวง เหยื่อ และนำพาเหยื่อไปยังปลายทาง แต่เหยื่อก็ยังไม่ถูกส่งลงเรือ นำไปกักขังไว้ หากเจ้าหน้าที่ไปพบตรงนี้ยังมีข้อหาไม่เพียงพอในข้อกล่าวหาการค้ามนุษย์ จึงต้องมีการหาหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงได้ว่ามีการใช้แรงงาน ซึ่งทุกวันนี้การได้รับแจ้งว่ามีเหตุจากเหยื่อผู้ถูกกระทำก็ได้รับจาก กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นหลัก ซึ่งเหยื่อที่ประสบเหตุโดยตรง หรือผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาได้ก็ไม่ได้คิดที่จะดำเนินคดี หรือให้ข้อมูลแต่อย่างใด” พ.ต.ท.โชคชัย กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น