มรภ.สวนดุสิต ครวญ มหาวิทยาลัยชั้นนำตกเขียวเด็กหัวกะทิ สายวิทย์ เข้าเรียนตั้งแต่ยังสอบปลายภาคเรียนสุดท้ายไม่เสร็จ ส่งผลหลักสูตรวิทยาศาสตร์บางคณะไม่มีเด็กสมัครเข้าเรียน เล็งเลิกสอนบางหลักสูตร ไม่แข่งมหาวิทยาลัยชั้นนำ เน้นเฉพาะที่ตนเองถนัดเท่านั้น
รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต (มสด.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการบริหารงานของมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ท้าทายและค่อนข้างยาก โดยเฉพาะการรับนักศึกษาเข้าเรียน เพราะเวลานี้มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่งกำหนดเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญในการแย่งชิง และล็อกตัวเด็กจากโรงเรียนให้เข้ามาเรียน โดยเฉพาะเด็กที่เรียนสายคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเข้าไปคัดเลือกและจองตัวเกือบหมดแล้ว ตั้งแต่ยังสอบไม่เสร็จในภาคเรียนสุดท้ายระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
“การคัดเลือกเด็กเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในปัจจุบันเป็นเหมือนการตกเขียว โดยเฉพาะในสายวิทยาศาสตร์ที่มีผู้เรียนระดับมัธยมประมาณ 1.8 แสนคน แต่ถูกคัดเลือกเข้าเรียนไปแล้วกว่า 1.5 แสนคน โดยเฉพาะในคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัฐที่เปิดสอนทั้ง 9 แห่ง ดังนั้น เด็กที่เรียนสายวิทย์ค่อนข้างจะได้เปรียบกว่าเด็กสายอื่นในการเลือกเรียน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3 หมื่นคนก็กระจายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้ในส่วนของ มสด.แม้จะต้องการพัฒนาหลักสูตรในสายวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้ามากขึ้น แต่ก็มีผู้มาสมัครเข้าเรียนน้อย และในอนาคตอาจจะไม่มีผู้เรียนเลยก็ได้ ซึ่งหากพัฒนาต่อไปก็จะทำให้เสียกำลังคนได้ จึงเน้นที่จะพัฒนาหลักสูตรสายอื่นที่มีความสามารถในการแข่งขันกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้น่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า”อธิการบดี มสด.กล่าว
รศ.ดร.ศิโรจน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ มสด.กำลังพิจารณาว่าจะมีการปิดรับนักศึกษาในสายวิทยาศาสตร์บางหลักสูตรลง เพราะมีผู้เรียนน้อยมาก เช่น วิทยาศาสตร์ความปลอดภัย วิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง เป็นต้น แต่ต้องรอผลการพิจารณาถึงความเหมาะสมให้ครบทุกด้านก่อน
รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต (มสด.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการบริหารงานของมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ท้าทายและค่อนข้างยาก โดยเฉพาะการรับนักศึกษาเข้าเรียน เพราะเวลานี้มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่งกำหนดเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญในการแย่งชิง และล็อกตัวเด็กจากโรงเรียนให้เข้ามาเรียน โดยเฉพาะเด็กที่เรียนสายคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเข้าไปคัดเลือกและจองตัวเกือบหมดแล้ว ตั้งแต่ยังสอบไม่เสร็จในภาคเรียนสุดท้ายระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
“การคัดเลือกเด็กเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในปัจจุบันเป็นเหมือนการตกเขียว โดยเฉพาะในสายวิทยาศาสตร์ที่มีผู้เรียนระดับมัธยมประมาณ 1.8 แสนคน แต่ถูกคัดเลือกเข้าเรียนไปแล้วกว่า 1.5 แสนคน โดยเฉพาะในคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัฐที่เปิดสอนทั้ง 9 แห่ง ดังนั้น เด็กที่เรียนสายวิทย์ค่อนข้างจะได้เปรียบกว่าเด็กสายอื่นในการเลือกเรียน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3 หมื่นคนก็กระจายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อเป็นเช่นนี้ในส่วนของ มสด.แม้จะต้องการพัฒนาหลักสูตรในสายวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้ามากขึ้น แต่ก็มีผู้มาสมัครเข้าเรียนน้อย และในอนาคตอาจจะไม่มีผู้เรียนเลยก็ได้ ซึ่งหากพัฒนาต่อไปก็จะทำให้เสียกำลังคนได้ จึงเน้นที่จะพัฒนาหลักสูตรสายอื่นที่มีความสามารถในการแข่งขันกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้น่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า”อธิการบดี มสด.กล่าว
รศ.ดร.ศิโรจน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ มสด.กำลังพิจารณาว่าจะมีการปิดรับนักศึกษาในสายวิทยาศาสตร์บางหลักสูตรลง เพราะมีผู้เรียนน้อยมาก เช่น วิทยาศาสตร์ความปลอดภัย วิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง เป็นต้น แต่ต้องรอผลการพิจารณาถึงความเหมาะสมให้ครบทุกด้านก่อน