เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ บุกยื่นหนังสือ “พล.ต.สนั่น” หนุนห้ามขายเหล้า 3 วัน 24 ชม.ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ห่วงท่าทีอยู่เคียงข้างบริษัทเหล้า ส่งเครือข่ายเยาวชนฯ จับตาประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ศูนย์วิจัยสุราฯ ชี้ห้ามขายแค่ 3 วันลดหย่อนมาแล้ว ระบุไม่ขายช่วยตัดวงจรการซื้อ-ดื่ม-เมา-เจ็บ-ตายได้จริง
นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (23 มี.ค.) เครือข่ายฯ ประมาณ 100 คนจะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือยืนยันเห็นด้วยกับการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 3 วันคือวันที่ 12-14 เมษายน ตลอด 24 ชั่วโมง ให้กับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จากนั้นจะเดินทางไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย ขณะที่เครือข่ายเยาวชนป้องกันภัยแอลกอฮอล์ประมาณ 50 คนจะเดินทางไปที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ สิ่งที่ภาคประชาชนเป็นห่วงคือ ท่าทีของ พล.ต.สนั่น เนื่องจากที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์เหมือนยืนอยู่เคียงข้างกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ด้าน นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า ประชาชนต้องช่วยกันจับตามองข้อสรุปจากที่ประชุมว่าจะมีมติแบบใด ประชาชนต้องมาก่อน หรือธุรกิจต้องมาก่อน โดยหวังว่าตัดสินใจเลือกมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบ ตลอด 3 วัน ตลอด 24 ชม. เพราะสามารถตัดวงจรการซื้อ-ดื่ม-เมา-เจ็บ-ตายได้จริง ยืนยันว่าการห้ามขายเพียง 3 วัน แทนที่จะห้ามตลอด 7 วัน นับว่าลดหย่อนมากแล้ว ถ้าเลือกให้ขายได้ ยกเว้นให้ผับบาร์ โรงแรม และร้านอาหาร ถือว่าไร้เหตุผลอย่างยิ่ง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเดียวกับการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดถึงร้อยละ 49.1 หรือสูงถึงเกือบครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุทั้งวัน
“ที่หลายฝ่ายเกรงว่าหากมีมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะสร้างผลกระทบกับการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ถือว่าไม่จริงเลย เพราะผลสำรวจช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวมาเมืองไทย เพราะต้องการชมวัดวาอาราม โบราณสถาน หรือแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดเลยที่ระบุว่าตั้งใจมาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีถึงร้อยละ 95 ที่ระบุว่าจะยังมาเที่ยวเมืองไทย แม้จะมีมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์” นพ.บัณฑิตกล่าว
นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (23 มี.ค.) เครือข่ายฯ ประมาณ 100 คนจะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือยืนยันเห็นด้วยกับการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 3 วันคือวันที่ 12-14 เมษายน ตลอด 24 ชั่วโมง ให้กับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จากนั้นจะเดินทางไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย ขณะที่เครือข่ายเยาวชนป้องกันภัยแอลกอฮอล์ประมาณ 50 คนจะเดินทางไปที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ สิ่งที่ภาคประชาชนเป็นห่วงคือ ท่าทีของ พล.ต.สนั่น เนื่องจากที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์เหมือนยืนอยู่เคียงข้างกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ด้าน นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า ประชาชนต้องช่วยกันจับตามองข้อสรุปจากที่ประชุมว่าจะมีมติแบบใด ประชาชนต้องมาก่อน หรือธุรกิจต้องมาก่อน โดยหวังว่าตัดสินใจเลือกมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบ ตลอด 3 วัน ตลอด 24 ชม. เพราะสามารถตัดวงจรการซื้อ-ดื่ม-เมา-เจ็บ-ตายได้จริง ยืนยันว่าการห้ามขายเพียง 3 วัน แทนที่จะห้ามตลอด 7 วัน นับว่าลดหย่อนมากแล้ว ถ้าเลือกให้ขายได้ ยกเว้นให้ผับบาร์ โรงแรม และร้านอาหาร ถือว่าไร้เหตุผลอย่างยิ่ง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเดียวกับการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดถึงร้อยละ 49.1 หรือสูงถึงเกือบครึ่งหนึ่งของอุบัติเหตุทั้งวัน
“ที่หลายฝ่ายเกรงว่าหากมีมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะสร้างผลกระทบกับการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ถือว่าไม่จริงเลย เพราะผลสำรวจช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวมาเมืองไทย เพราะต้องการชมวัดวาอาราม โบราณสถาน หรือแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดเลยที่ระบุว่าตั้งใจมาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีถึงร้อยละ 95 ที่ระบุว่าจะยังมาเที่ยวเมืองไทย แม้จะมีมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์” นพ.บัณฑิตกล่าว