xs
xsm
sm
md
lg

กทม.รณรงค์ “ปิดไฟ 1 ชม.ให้โลกพัก” เชื่อช่วยประหยัดไฟได้ 30 เปอร์เซนต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กทม.รณรงค์ “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ให้โลกพัก” 28 มี.ค.นี้ “สุขุมพันธุ์” เผยแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งบางขุนเทียนอาจไม่เสร็จใน 4ปี แต่ต้องวางแผนแก้ไขระยะยาวร่วมกับ 3 จังหวัดสมุทรฯ แนะสร้างบ้านในบางขุนเทียนควรยกสูงหนีน้ำ

วันนี้ (16 มี.ค.) ที่สวนสราญรมย์ เขตพระนคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับ WWF ประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) พร้อมทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันแถลงข่าวการจัดกิจกรรมรณรงค์ “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ให้โลกพัก - 60 Earth Hour” โดยมี บีม-นายกวี ตันจรารักษ์, ฟ้า-นางนาตาลี (เกลโบวา) ศรีชาพันธุ์ และ พอล-นายภัทรพล ศิลปาจารย์ เป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการฯ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.จัดกิจกรรมรณรงค์ปิดไฟเพื่อลดภาวะโลกร้อน ร่วมกับ 1,181 เมือง ทั่วโลก อาทิ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น โดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ ชุมชน และประชาชนร่วมกันปิดไฟที่ไม่จำเป็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 20.00-21.00 น. ในวันเสาร์ที่ 28 มีนาคมนี้ เพื่อช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนและลดการใช้พลังงาน

นอกจากนั้น ได้จัดกิจกรรมเดินรณรงค์บริเวณถนน 4 สายหลัก คือ วันที่ 18 มีนาคม เดินรณรงค์ถนนสีลม วันที่ 20 มีนาคม เดินรณรงค์ถนนเยาวราช, วันที่ 21 มีนาคม เดินรณรงค์สยาม (ถนนพระราม 1) และวันที่ 25 มีนาคม เดินรณรงค์ถนนข้าวสาร เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงกิจกรรมดังกล่าว และตระหนักถึงการลดใช้พลังงานในอนาคตด้วย

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาโลกร้อนหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ กทม.เชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ เมื่อเทียบจากปี 2551 ที่ผ่านมา กิจกรรมดังกล่าว สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 1,384 เมกะวัตต์ คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ และสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 364 ตัน สำหรับปีนี้อยากให้ลดพลังงานให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องลดลงเท่าไหร่ จึงอยากเชิญชวนประชาชนเปิดไฟอย่างน้อยคนละ 1 ดวงเพื่อสร้างความตระหนักในการปรับพฤติกรรมที่เคยใช้พลังงานสิ้นเปลือง และปฏิบัติในชีวิตประจำวันซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการอนุรักษ์และลดการใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ตนจะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดใหญืมาร่วมหารือเพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือต่อไป

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคารโลกได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) และความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) มอบหมายให้บริษัท ปัญญา คอลซัลแตนท์ จำกัด ศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเมืองชายฝั่งทะเลในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน คือ กทม. จ.สมุทรปราการ จ.สุมทรสงคราม และ จ.สมุทรสาคร โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2593 หรืออีก 41 ปีข้างหน้า ระดับน้ำทะเลในจังหวัดดังกล่าวจะสูงขึ้น 32.3 เซนติเมตร สูงกว่าที่เจบิกคาดการณ์ไว้ 29 เซนติเมตร ซึ่งส่งผลทำให้คนกว่า 1 ล้านคนในพื้นที่ บางขุนเทียน บางแค บางบอน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เดือดร้อน อาคารที่พักอาศัยเสียหายกว่า 1.4 แสนล้านบาทว่า สำหรับ กทม.จะได้รับผลกระทบกว่าครึ่งหนึ่งของความเสียหาย เพราะพื้นที่ กทม.กำลังทรุดตัวอย่างหนักจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล อีกทั้งยังมีการทรุดตัวของแผ่นดิน ที่จะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม. ในเขตบางขุนเทียนที่ส่วนใหญ่จมน้ำทะเลไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ดังนั้น ใครจะสร้างบ้านในพื้นที่เขตบางขนเทียนควรยกสูง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ กทม.จะไม่กังวลไม่ได้ ยังต้องมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปเพื่อสร้างความตระหนัก โดย กทม.ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งขณะนี้ กทม. ได้หารือกับเอกอัครราชทูตประเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยซึ่งได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวมาศึกษาแนวทางป้องกันพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียนที่กำลังได้รับผลกระทบจากกการถูกน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง เนื่องจากเนเธอร์แลนด์ประสบปัญหา มีพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ 6-9 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางแต่เขาก็สามารถอยู่มาได้กว่า 400 ปี ดังนั้น กทม.ต้องอ้างอิง โดยอาศัยประสบการณ์ของผู้ที่เคยประสบปัญหามาก่อน และประสานนักวิชาการไทยที่เก่งๆ ในการแก้ปัญหานี้ โดยแนวทางแก้ไขก็ต้องดูว่าเหมาะกับสภาพของประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม กทม.จะประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดใหญ่ ในการหารือแก้ไขปัญหาร่วมกันมากขึ้น เพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือในการทำงาน โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรปราการ สมุทราสาคร และสมุทรสงครามเพื่อแก้ไขเรื่องน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ร่วมกันแม้จะไม่เสร็จในสมัยตนแต่ก็ต้องมีการวางแผนระยะยาว

ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับข้อเสนอของผู้ศึกษาวิจัย ที่ต้องให้มีการเพิ่มขึ้นของคันกั้นน้ำตลอดลำน้ำเจ้าพระยาขึ้นอีกตั้งแต่ 0-1.5 เมตร เพื่อป้องกันผลกระทบในอนาคตนั้น ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ตนจะดูแผนระยะยาวว่าควรจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนโรงพยาบาลบางขุนเทียน ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ กทม.จะสร้างเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง และเพื่อบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุนั้น ตนไม่ได้กังวลเรื่องการก่อสร้างแต่อย่างใด เพราะได้เตรียมแผนไว้ว่าจะต้องสร้างในที่สูงขึ้นกว่าที่ระดับน้ำทะเลจะท่วมถึงอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น