xs
xsm
sm
md
lg

นวด+สมุนไพร+แพทย์แผนปัจจุบัน 3 ประสานรักษา “อัมพฤกษ์-อัมพาต”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลักษณา รุ่งปาเสริฐวงศ์
สิ่งที่น่ากลัวอันเป็นผลตามมาของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ก็คือ ภาวะ “อัมพฤกษ์” หรือ “อัมพาต” ซึ่งจำเป็นที่จะต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูและบำบัดเพื่อให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร
ทั้งนี้ ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ประสบภาวะดังกล่าวที่น่าสนใจ ก็คือ การใช้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ไม่ว่าจะเป็นการนวดหรือการใช้สมุนไพร ผสมผสานกับการตรวจวินิจฉัยอาการของโรคร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน เหมือนดังเช่นที่ “โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” ทำอยู่ในปัจจุบัน

“ลักษณา รุ่งปาเสริฐวงศ์” แพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อธิบายว่า ในการรักษาผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต นั้น จะมีการนวดอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ การนวดแบบสัมผัสและการนวดแบบฟื้นฟู ซึ่งผู้ป่วยจะต้องทำการนวดทั้ง 2 ลักษณะ โดยผลลัพธ์ในการนวดนั้นจะแตกต่างกันไป

กล่าวคือ การนวดแบบสัมผัสจะเป็นการนวดในลักษณะที่เบา เป็นการนวดแบบลูบเพื่อช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยใช้น้ำมันและครีมไพรเข้ามาช่วย ขณะที่การนวดแบบฟื้นฟูจะเป็นการนวดตามแนวเส้นพื้นฐานหรือการลงจุดสัญญาณ ซึ่งการนวดในลักษณะนี้จะเป็นการนวดที่หนักกว่า อีกทั้งการนวดแบบสัมผัสจะเป็นการรักษาผู้ป่วยในขั้นเบื้องต้น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และเมื่อผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเองจึงนำไปสู่ขั้นตอนในการนวดแบบฟื้นฟูต่อไป
สมุนไพรที่ใช้ทำลูกประคบ
อย่างไรก็ตาม การรักษาในบางครั้งจะมีผู้ป่วยบางรายที่สามารถข้ามขั้นตอนไปนวดแบบฟื้นฟูได้เลย เนื่องจากผู้ป่วยมีการตอบสนองในการรักษา สามารถที่จะขยับแขน ขา สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาทำการนวดแบบสัมผัสอีก

“ในการทำงาน แพทย์แผนไทยจะเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาและดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ที่ประกอบด้วยนักกายภาพบำบัด กลุ่มพยาบาล เภสัชกรรม โภชนากรและกลุ่มจิตเวชที่ช่วยบำบัดสุขภาพจิต”
ลักษณา อธิบายถึง การรักษาผู้ป่วยที่เป็นอัมพาต ว่า ขั้นตอนแรกจะทำการตรวจประเมินแบบเวชกรรมไทยโดยการวัดองศาในการเคลื่อนไหวของคนไข้ว่า มีความเจ็บปวดอยู่ในระดับใด สามารถทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง แต่ถ้าการประเมินพบว่าผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนของโรค อาทิ ความดันโลหิตสูง มีการเต้นจังหวะของหัวใจที่เร็วเกินไปและจำเป็นที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็จะทำการส่งให้แพทย์แผนปัจจุบันทำการรักษาให้หายก่อนจึงมาทำการรักษาด้วยแพทย์แผนไทยอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ การนวดผู้ป่วยที่เป็นโรคอัมพาตนั้น จะใช้การนวดแบบสัมผัสก่อน เนื่องจากผู้ป่วยไม่ตอบสนองในการรักษาและไม่สามารถขยับเขยื้อนส่วนต่างๆของร่างกายได้ ดังนั้น จึงต้องทำการรักษาโดยการนวดแบบสัมผัส ซึ่งแพทย์ที่ทำการรักษาจะลูบ และบีบๆ เบาตามกล้ามเนื้อ เพื่อผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อ โดยทำการนวดติดต่อกัน 3 วัน ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น สามารถขยับแขนขา ตั้งขาได้ ก็จะทำการรักษาผู้ป่วยโดยการนวดแบบฟื้นฟู ซึ่งในขั้นตอนนี้จะเป็นการนวดที่ลงจุดตามแนวเส้นพื้นฐานโดยจะมีการใช้สมุนไพรเข้ามาช่วยในการรักษาด้วย เมื่อผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ ก็จะมีการนัดผู้ป่วยมาทำการนวดเพื่อบำบัดโดยอยู่ที่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
สมุนไพรที่ใช้ทำลูกประคบ
สำหรับสมุนไพรที่ใช้ในการรักษา จะมีลูกประคบที่ใช้ในการรักษาที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด อาทิ ผิวมะกรูด ขมิ้นชัน เกลือ การบูร ไพล และตะไคร้บ้าน ซึ่งขั้นตอนในการผลิตนั้นจะนำสมุนไพรทั้งหมดไปล้างน้ำให้สะอาดและนำมาใส่ครกตำ แต่ถ้าหากต้องใช้ในจำนวนที่มากก็จะมีเครื่องบดมาช่วย หลังจากนั้น ก็จะนำไปนึ่ง 15-20 นาที เมื่อนึ่งเสร็จก็จะนำมาประคบให้กับผู้ป่วยโดยใช้ระยะเวลาในการประคบครึ่งชั่วโมง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น นอกจากนี้ลูกประคบยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง ปวดเขา ปวดบ่าได้อีกด้วย

ลักษณาให้ข้อมูลเพิ่มว่า ในการนวดเพื่อทำการรักษานั้นจะมีการใช้สมุนไพรชนิดรับประทานมาช่วยในการรักษาด้วย แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยว่าหนักแค่ไหน โดยจะมีสมุนไพรเดียวและสมุนไพรตำรับ แต่ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรก็จะต้องดูว่าผู้ป่วยเป็นอะไร ถ้ามีอาการท้องผู ก็จะให้ทานยาโดยสามารถนวดต่อได้ แต่ถ้าหากมีอาการปวดหัวตัวร้อน อุณหภูมิในร่างกายเกิน 38 องศาเซลเซียสก็ไม่สามารถนวดได้ จะทำการจ่ายยาเพื่อรักษาอาการไข้ก่อน
ลูกประคบ
สำหรับประโยชน์ในการนวดนั้นจะสามารถช่วยลดลดอาการปวด ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว หรือจะลดอาการบวม ชา ที่ไม่ได้เกิดการอักเสบ ทำให้มีการเคลื่อนไหวในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น

ด้าน “ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร” หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม และหัวหน้าโครงการพิพิธภัณฑ์การแพทย์ไทยอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ร่างกายของมนุษย์มีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วน คือ กลไกการทำงานของร่างกาย ระบบขับถ่ายและโครงสร้างของร่างกาย ซึ่งทั้ง 3 มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก เช่น ถ้าหากร่างกายไม่สามารถย่อยอาหารได้ก็ส่งผลไปถึงระบบการขับถ่ายของเสีย หรือถ้าเกิดการตึงของเส้นหลังที่มีส่วนไปเลี้ยงกระเพาะอาหารก็จะทำให้ไม่สามารถย่อยอาหารได้
การนวดแบบสัมผัส
ดังนั้น จึงต้องทำให้ร่ายกายมีความสมดุล ทั้งซ้ายและขวา ให้มีความตึงหย่อนเท่ากันๆ ซึ่งการนวดทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตได้ดี อีกทั้งยังช่วยแก้ไขในส่วนของการติดขัดและลดอาการตึงของเส้นต่างๆ ในร่างกาย เพื่อทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีและเป็นการเสริมสร้างระบบทำให้มีอายุที่ยืนยาวได้
กำลังโหลดความคิดเห็น