วธ.ยื่นขึ้นทะเบียนวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้ รวม 20 รายการต่อยูเนสโก “โขน-หนังใหญ่- ตะลุง-หมอลำ-โนราห์” ติดทำเนียบ
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวเผยภายหลังเป็นประธานประชุม ติดตามความคืบหน้าการพิจารณาเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาด้านวัฒนธรรม ตามข้อเสนอขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการพิจารณาเป็นภาคีอนุสัญญากับยูเนสโก 3 เรื่อง คือ 1.อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่อยู่ใต้น้ำ โดยที่ประชุมมีมติให้กรมศิลปากรกลับไปศึกษาข้อดี ข้อเสียของการเข้าร่วมอนุสัญญาดังกล่าวโดยละเอียด และการแก้กฎหมาย เพื่อรองรับการเข้าร่วมภาคีอนุสัญญาด้วย รวมทั้งสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม ว่าเห็นด้วยกับการลงนามดังกล่าวหรือไม่ จากนั้นทำประชาพิจารณ์รับฟังความเห็น ส่วนการที่ยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพฯ เสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมโบราณคดีทางทะเลในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แทนประเทศศรีลังกาไม่เกี่ยวกับการเข้าร่วมอนุสัญญาดังกล่าว ตนได้มอบหมายให้กรมศิลปากรจัดทำแผนงบประมาณ และเร่งดำเนินการแล้ว
นายวีระ กล่าวว่า 2.อนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งเป็นการแสดง ภาษา และบทคำร้อง อาทิ โขน หนังใหญ่ หุ่นละครเล็ก หนังตะลุง หมอลำ เพลงเห่เรือ ละครชาตรี มโนราห์ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก วธ.ได้ทำประชาพิจารณ์ และจัดเวทีสาธารณะ เพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชน เหลือเพียงสอบถามความเห็นจากกระทรวงต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น นอกจากนี้ วธ.จะเร่งดำเนินการจดทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เพื่อขึ้นทะเบียนและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของประเทศไทย โดยตั้งเป้าว่าในปี 2552 จะยื่นจดทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จำนวน 20 รายการ จาก 100 รายการที่เตรียมขึ้นทะเบียน
3.อนุสัญญาว่าด้วยการปกป้องและส่งเสริมความหลากหลายของการแสดงออกทางวัฒนธรรม ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกฎหมายขึ้นมาศึกษารายละเอียดและข้อดี ข้อเสียของการเป็นภาคีอนุสัญญา และจากการสอบถามความเห็นของกระทรวงต่างๆ เห็นด้วยและสนับสนุนให้ วธ.เข้าร่วมภาคีอนุสัญญาดังกล่าว เพราะปัจจุบันมี 98 ประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีกับยูเนสโก และถ้าไทยเข้าร่วมน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ