กรมศิลป์รับ 300 ล้าน นำร่องพัฒนาพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ 16 แห่งให้มีชีวิต นวช.พื้นบ้านเสนอตั้งกองทุน-ปลอดภาษี
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) กล่าวถึงการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิตว่า วธ.ได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด โดยพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นมี ดร.ปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส.) เป็นประธาน ส่วนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มอบหมายให้นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ดำเนินการในฐานะเลขานุการโดยมีตนเป็นประธาน ทั้งนี้จะรวบรวมข้อมูลพิพิธภัณฑ์ที่มีปัญหาจากทั้ง 2 ชุด มาปรับปรุง ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้แนวทางนโยบายการสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมของไทย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
นายธีระ กล่าวอีกว่า ศมส.ได้ทำข้อสรุปความคิดเห็นจากนักวิชาการพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นจำนวน 1,105 แห่ง เช่น วัด โรงเรียน ชุมชน ส่วนบุคคล อปท.หน่วยงานราชการต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จัดเรื่องราววิถีชีวิตในอดีต เครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน คัมภีร์ หนังสือโบราณ พุทธศิลป์ และที่มีลักษณะเฉพาะ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ จัดแสดงวัตถุในพิธีกรรม ผ้าทอ เป็นต้น โดยข้อเรียกร้องทิศทางการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น น่าจะจัดเป็นวาระแห่งชาติ ควรมีนโยบายสนับสนุนหรือไม่ให้ชัดเจน รัฐต้องสนับสนุนการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา และมาตรการด้านกฎหมายอย่างถูกต้อง จัดตั้งกองทุนสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น สร้างมาตรการบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ หรืองดเว้นภาษีที่เก็บพิพิธภัณฑ์ เพราะไม่ได้ประกอบธุรกิจ เป็นต้น ทั้งนี้จะได้หารือในที่ประชุมอีกครั้ง
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 44 แห่ง ที่กรมศิลปากรดูแล ต้องการพัฒนาให้สมบูรณ์ ทันสมัยในรูปแบบของการจัดแสดงมัลติมีเดีย แสงสีเสียงเข้ามาช่วยให้เกิดความน่าสนใจ ที่ตั้งโครงการภายใน 4 ปีนำร่องพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ 16 แห่ง งบประมาณจำนวนกว่า 300 ล้านบาท อาทิ พิพิธภัณฑ์ฯ สมเด็จพระนารายณ์ ลพบุรี พิพิธภัณฑ์ฯ กำแพงเพชร พิพิธภัณฑ์ฯ หริภุญไชยลำพูน พิพิธภัณฑ์ฯ อู่ทอง สุพรรณบุรี พิพิธภัณฑ์ฯ สงขลา พิพิธภัณฑ์ฯ เชียงแสน เป็นต้น ส่วนที่เหลือ 28 แห่งจะได้พัฒนาต่อไป” รมว.วธ. กล่าว
นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) กล่าวถึงการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิตว่า วธ.ได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด โดยพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นมี ดร.ปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส.) เป็นประธาน ส่วนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มอบหมายให้นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร ดำเนินการในฐานะเลขานุการโดยมีตนเป็นประธาน ทั้งนี้จะรวบรวมข้อมูลพิพิธภัณฑ์ที่มีปัญหาจากทั้ง 2 ชุด มาปรับปรุง ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้แนวทางนโยบายการสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมของไทย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน
นายธีระ กล่าวอีกว่า ศมส.ได้ทำข้อสรุปความคิดเห็นจากนักวิชาการพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นจำนวน 1,105 แห่ง เช่น วัด โรงเรียน ชุมชน ส่วนบุคคล อปท.หน่วยงานราชการต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จัดเรื่องราววิถีชีวิตในอดีต เครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน คัมภีร์ หนังสือโบราณ พุทธศิลป์ และที่มีลักษณะเฉพาะ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ จัดแสดงวัตถุในพิธีกรรม ผ้าทอ เป็นต้น โดยข้อเรียกร้องทิศทางการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น น่าจะจัดเป็นวาระแห่งชาติ ควรมีนโยบายสนับสนุนหรือไม่ให้ชัดเจน รัฐต้องสนับสนุนการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา และมาตรการด้านกฎหมายอย่างถูกต้อง จัดตั้งกองทุนสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น สร้างมาตรการบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ หรืองดเว้นภาษีที่เก็บพิพิธภัณฑ์ เพราะไม่ได้ประกอบธุรกิจ เป็นต้น ทั้งนี้จะได้หารือในที่ประชุมอีกครั้ง
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 44 แห่ง ที่กรมศิลปากรดูแล ต้องการพัฒนาให้สมบูรณ์ ทันสมัยในรูปแบบของการจัดแสดงมัลติมีเดีย แสงสีเสียงเข้ามาช่วยให้เกิดความน่าสนใจ ที่ตั้งโครงการภายใน 4 ปีนำร่องพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ 16 แห่ง งบประมาณจำนวนกว่า 300 ล้านบาท อาทิ พิพิธภัณฑ์ฯ สมเด็จพระนารายณ์ ลพบุรี พิพิธภัณฑ์ฯ กำแพงเพชร พิพิธภัณฑ์ฯ หริภุญไชยลำพูน พิพิธภัณฑ์ฯ อู่ทอง สุพรรณบุรี พิพิธภัณฑ์ฯ สงขลา พิพิธภัณฑ์ฯ เชียงแสน เป็นต้น ส่วนที่เหลือ 28 แห่งจะได้พัฒนาต่อไป” รมว.วธ. กล่าว
