ศูนย์เฝ้าระวัง วธ.รับเรื่องร้องเรียนครูอึ๊บเด็กอื้อ ชี้ นิยายออนไลน์เสนอขั้นตอนการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างครู-ศิษย์ ชี้ สะท้อนภาพสังคมเน่าเฟะ ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังฯ เตรียมประสานงานปิด-จับกุมเว็บแพร่นิยาย
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า จากการสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับครูสาวและลูกศิษย์มีเพศสัมพันธ์กันนั้น ทางศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมก็ได้รับเรื่องร้องเรียนจากทางเครือข่ายผู้ปกครอง เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างครูสาว กับลูกศิษย์จำนวนมาก ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนำเสนอเนื้อหา ภาพ นิยาย การ์ตูน คลิปวิดีโอ ทางสื่ออินเทอร์เน็ต มีรูปแบบทั้งการที่ครูเป็นผู้กระทำชำเราเด็กนักเรียน อาจารย์ใหญ่มีเซ็กซ์กับเด็กในห้องพักครู เด็กนักเรียนรุมข่มขืนครู ภาพคลิปวิดีโอครูและศิษย์กำลังมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งเป็นคลิปที่เป็นครูและศิษย์จากต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ ตนจากการค้นหาต้นตอของการนำเสนอเนื้อหา รูปภาพดังกล่าว พบว่า ขณะนี้ในสื่ออินเทอร์เน็ต มีการเขียนนิยายของการมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างครู และเด็ก เมื่อได้อ่านแล้ว พบว่า เนื้อหาของนิยายนั้นได้บรรยายการกระทำเป็นขั้นเป็นตอนที่เริ่มจากการพูดคุย การให้เด็กเข้ามาหาในห้องพักครู การที่ครูมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กเกินเพื่อน จนถึงขั้นตอนของการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งกันละกัน พร้อมทั้งมีการขู่นักเรียนว่าให้เก็บเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ไว้เป็นความลับ
น.ส.ลัดดา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะขณะนี้ มีพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเด็กและครู เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว หากปล่อยไว้อาจจะเกิดขึ้นอีก เพราะนิยายและคลิปวิดีโอลามกในโลกอินเทอร์เน็ต มีการแพร่หลายอย่างรวดเร็ว อาจเป็นภัยร้ายส่งผลให้เด็กในกลุ่มเสี่ยงเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีพฤติกรรมเลียนแบบการกระทำดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เพื่อประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทางลับ เพื่อดำเนินการขยายผลจับกุมเว็บไซต์ ที่มีการนำเสนอนิยายลามก เป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักศีลธรรม ซึ่งมีส่วนชี้นำเด็กให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
“จากการที่ตนนำเสนอและตีแผ่เกี่ยวกับสื่อลามกมาโดยตลอดนั้น เนื่องจากทางศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนมาจำนวนมาก และในฐานะที่เราทำหน้าที่ตรงนี้ก็จำเป็นจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้รับเรื่อง กระตุ้น และประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการป้องกันและขยายผลต่อไป อีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ ตนอยากให้สังคมรับรู้ว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติทางสังคมที่เน่าเฟะ หากไม่มีการตีแผ่นำเสนอข่าวเหล่านี้ออกไป เรื่องที่เป็นภัยต่อสังคมก็จะถูกปล่อยปละละเลย และไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบอย่างจริงจัง” ผอ.เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าว
