xs
xsm
sm
md
lg

ยธ.ชี้ช่องโหว่สถานบันเทิงผิด กม.ก่อนรวมข้อมูลส่ง กทม.เชือด หวั่นซ้ำรอย “ซานติก้า”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พีระพันธุ์” ชี้ อุดช่องโหว่ปลอมลายเซ็นสถาปนิก-วิศวกร ให้เจ้าตัวมาเซ็นเอง พร้อมผู้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร พร้อมรวบรวมข้อมูลอาคารสถานบันเทิงที่ผิดกฎหมายส่ง กทม.เชือด หวั่นซ้ำรอยซานติก้า หลังส่ง จนท.ตรวจพบหลายแห่ง ส่วน 18 ก.พ.เตรียมนำคดีซานติก้า ผับ เข้าที่ประชุมก่อนโอนเป็นคดีพิเศษ

วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เข้าหารือร่วมกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ถึงเรื่องการตรวจสอบอาคาร และมาตรการจัดการกับอาคารที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ กทม.

โดย นายพีระพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือว่า วันนี้ตนได้นำข้อมูลเรื่องการสอบสวนเบื้องต้นกรณีซานติก้า ผับ และให้ข้อมูลหลังจากที่หน่วยงานของ ยธ.ลงพื้นที่สำรวจพบว่าในพื้นที่กทม.มีอาคารอยู่จำนวนมากที่เข้าข่ายลักษณะทำผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับ อาคารซานติก้า ผับ ดังนั้น ตนจึงเข้ามาประสานขอความร่วมมือ กทม.สั่งการให้ผู้อำนวยการเขตเร่งตรวจสอบอาคารในพื้นที่ หากพบอาคารที่ทำผิดกฎหมายก็ให้แก้ไขให้ถูกต้องก่อนที่จะมีเหตุเกิดเพลิงไหม้ซ้ำรอยซานติก้า ผับ ย่านเอกมัย

นอกจากนั้นแล้ว ยังหารือถึงเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายที่ควบคุมสถานบริการ อาทิ ความหละหลวมของกฎหมายที่ใช้ควบคุมสถานบริการ ความไม่ชัดเจนของกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ตนจะนำเรื่องของคดีซานติก้า ผับ เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ว่า จะสามารถโอนให้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบข้อมูลนั้นคดีซานติก้า ผับ เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ คือ มีการทำผิดที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายรัษฎากรและภาษีสรรพสามิต ซึ่งการโอนคดีซานติก้า ผับ ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดูแลนั้น จะไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือแตะถ่วงเวลาในสมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรีฯอย่างแน่นอน

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนได้เสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาให้กับ กทม. โดยให้แก้ไขกฎหมายที่มีช่องโหว่ให้รัดกุมมากขึ้น และในช่วงที่อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายนั้น กทม.สามารถปรับปรุงการบริหารราชการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนได้ เช่น การให้ข้าราชการเข้มงวดการออกใบอนุญาตและการตรวจสอบการใช้อาคาร นอกจากนี้ในส่วนของปัญหาการปลอมลายเซ็นวิศวกรนั้นน่าจะแก้ปัญหาด้วยการให้เจ้าตัวมาเซ็นต่อหน้าข้าราชการผู้ดำเนินการ เพื่อเป็นการป้องกัน นอกจากนี้ ควรปรับปรุงระยะเวลาการออกใบอนุญาตให้มีอายุเพียง 1 ปีเท่านั้น เมื่อมีการต่ออายุครั้งต่อไปต้องมีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง และการใช้อาคาร หากพบว่ามีการดัดแปลง หรือเปลี่ยนแปลงประเภทการใช้งาน ก็ไม่สมควรต่อใบอนุญาตให้

ด้าน ม.ร.ว.สุขมพันธุ์ เปิดเผยว่า จากการหารือระหว่าง ยธ.และ กทม.มีความเห็นตรงกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในการจะประสานความร่วมมือ เดินหน้าร่วมกันตรวจสอบอาคาร ซึ่งที่ผ่านมา ยธ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาคารขนาดใหญ่ พบว่า เข้าข่ายอันตรายเป็นจำนวนมาก โดยในพื้นที่การเลือกตั้งของ รมว.ยุติธรรม ที่ดินแดง ห้วยขวาง วังทองหลาง ลาดพร้าว และในพื้นที่ย่านทองหล่อ ก็มีอยู่จำนวนมาก ทั้งนี้ ยธ.จะทำการรวบรวมรายชื่ออาคารอันตรายดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อได้รับข้อมูลแล้ว กทม.ก็จะสั่งการเขตให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น หากพบว่าอาคารใดผิดกฎหมาย โดยเฉพาะสถานบันเทิงที่มีการใช้ผิดประเภทจากที่มีการขออนุญาตเป็นอาคารพาณิชย์ เขตก็สามารถออกคำสั่ง ระงับการใช้งานอาคารได้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2535 เพื่อให้เจ้าของทำการแก้ไขปรับปรุง หากไม่ดำเนินการภายใน 30 วัน ก็สามารถสั่งปิดได้ แต่ทั้งนี้ กทม.ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันการถูกฟ้องกลับจากเจ้าของอาคาร

ส่วนเรื่องการปลอมลายเซ็น ได้มอบหมายให้ นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯ กทม.ให้ไปหารือกับสมาคมวิชาชีพวิศวกร เพื่อให้การเซ็นอนุญาตก่อสร้างเป็นไปอย่างรัดกุมจึงเห็นด้วยในส่วนนี้ ซึ่งตนจะสั่งการเขตให้ดำเนินการในทันที

ส่วนเรื่องที่ ยธ.จะรับไปพิจารณายกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร คาดว่า จะใช้เวลาไม่นานจากนั้นจะส่งมาให้ กทม.รวบรวมและส่งต่อไปยัง ก.มหาดไทย เพื่อเสนอ ครม.เพื่อเข้าสู่สภาต่อไป หลังจากกรณี ซานติก้า ผับ กทม.ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอาคาร พบว่าสถานบริการบางแห่ง ทำการปรับปรุงอาคารตบตาเจ้าหน้าที่ เช่น ทำประตูให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มถังดับเพลิง เป็นต้น ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ทั้งนี้สำหรับผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการนั้นคาดว่าจะส่งมาให้ กทม.ภายใน 1 สัปดาห์
กำลังโหลดความคิดเห็น