นักวิชาการสถาปัตย์ ระบุ “โรงภาพยนตร์-คอนโดฯ-โรงพยาบาล” ในเมืองหลวง ส่วนใหญ่เป็นอาคารสูงขนาดใหญ่ เสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ แนะ กทม.ออกกฎหมายควบคุมการใช้อาคาร แยกประเภทอาคาร จี้โรงภาพยนตร์ฉายหนังตัวอย่างเส้นทางหนีไฟห่อนฉายหนังจริง
รศ.ไตรวัฒน์ วิรยศิริ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงผลวิจัยภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เรื่องนโยบายแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย : การตรวจสอบสภาพอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคาร โดยเตือนถึงอาคารอีก 3 ประเภท ที่จากผลการวิจัยและตรวจสอบอาคารใน กทม.พบว่า ไม่ปลอดภัยและรัฐควรมีมาตรการเข้าไปควบคุมการใช้อาคารมากขึ้น ได้แก่ โรงภาพยนตร์ อาคารชุดพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียม และอาคารโรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารสูงและขนาดใหญ่พิเศษ ทั้งนี้ ควรมีการแก้ไขกฎหมายควบคุมอาคาร เป็นกฎหมายควบคุมการใช้อาคาร เพราะพบว่าอาคารสถานบริการทุกแห่งใน กทม.ไม่ได้ขออนุญาตใช้อาคารเป็นสถานบริการ แต่ขออนุญาตใช้เป็นอาคารพักอาศัย
นอกจากนี้ กทม.ควรออกข้อบัญญัติเฉพาะในการควบคุมอาคารในกรุงเทพฯ ซึ่งต่างจากอาคารในจังหวัดอื่น เพราะกรุงเทพฯ มีพื้นที่จำกัด และมีอาคารสูงจำนวนมาก รวมทั้งควรมีการแยกประเภทอาคารเพื่อการเข้าไปควบคุมดูแลการใช้อาคารได้ถูกต้อง
สำหรับโรงภาพยนตร์ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเปลี่ยนไปจากโรงเดี่ยว เป็นหลายโรงและอยู่บนอาคารสูง ดังนั้น ผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงมากหากเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคาร จึงเสนอให้เพิ่มมาตรการเตือนบอกเส้นทางอพยพจากภายในแต่ละโรงสู่ทางออกฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด 2 ทาง ให้แก่ผู้ชมภาพยนตร์ โดยใช้เวลาเตือนประมาณ 20-30 วินาที ก่อนการฉายภาพยนตร์ในลักษณะเช่นเดียวกับมาตรการเตือนความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบิน เพื่อเพิ่มความรับรู้และสำนึกความปลอดภัยในอาคาร ในส่วนอาคารคอนโดมิเนียม มีปัญหาในการตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบอาคาร ไม่สามารถเข้าตรวจสอบ ในพื้นที่ทรัพย์ส่วนบุคคลหรือห้องชุดได้ทันที เนื่องจากเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของห้องชุด ส่วนโรงพยาบาล หากเกิดเหตุเพลิงไหม้ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต้องมีแผนเฉพาะที่เหมาะสม เพราะมีอันตรายมากกว่าปกติ
รศ.ไตรวัฒน์ วิรยศิริ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงผลวิจัยภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เรื่องนโยบายแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย : การตรวจสอบสภาพอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคาร โดยเตือนถึงอาคารอีก 3 ประเภท ที่จากผลการวิจัยและตรวจสอบอาคารใน กทม.พบว่า ไม่ปลอดภัยและรัฐควรมีมาตรการเข้าไปควบคุมการใช้อาคารมากขึ้น ได้แก่ โรงภาพยนตร์ อาคารชุดพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียม และอาคารโรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารสูงและขนาดใหญ่พิเศษ ทั้งนี้ ควรมีการแก้ไขกฎหมายควบคุมอาคาร เป็นกฎหมายควบคุมการใช้อาคาร เพราะพบว่าอาคารสถานบริการทุกแห่งใน กทม.ไม่ได้ขออนุญาตใช้อาคารเป็นสถานบริการ แต่ขออนุญาตใช้เป็นอาคารพักอาศัย
นอกจากนี้ กทม.ควรออกข้อบัญญัติเฉพาะในการควบคุมอาคารในกรุงเทพฯ ซึ่งต่างจากอาคารในจังหวัดอื่น เพราะกรุงเทพฯ มีพื้นที่จำกัด และมีอาคารสูงจำนวนมาก รวมทั้งควรมีการแยกประเภทอาคารเพื่อการเข้าไปควบคุมดูแลการใช้อาคารได้ถูกต้อง
สำหรับโรงภาพยนตร์ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเปลี่ยนไปจากโรงเดี่ยว เป็นหลายโรงและอยู่บนอาคารสูง ดังนั้น ผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงมากหากเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคาร จึงเสนอให้เพิ่มมาตรการเตือนบอกเส้นทางอพยพจากภายในแต่ละโรงสู่ทางออกฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด 2 ทาง ให้แก่ผู้ชมภาพยนตร์ โดยใช้เวลาเตือนประมาณ 20-30 วินาที ก่อนการฉายภาพยนตร์ในลักษณะเช่นเดียวกับมาตรการเตือนความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่องบิน เพื่อเพิ่มความรับรู้และสำนึกความปลอดภัยในอาคาร ในส่วนอาคารคอนโดมิเนียม มีปัญหาในการตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบอาคาร ไม่สามารถเข้าตรวจสอบ ในพื้นที่ทรัพย์ส่วนบุคคลหรือห้องชุดได้ทันที เนื่องจากเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของห้องชุด ส่วนโรงพยาบาล หากเกิดเหตุเพลิงไหม้ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต้องมีแผนเฉพาะที่เหมาะสม เพราะมีอันตรายมากกว่าปกติ
