“สุขุมพันธุ์” ไม่เห็นด้วยนำรถ-เรือดับเพลิง กทม.มาใช้ เตรียมถก “อภิสิทธิ์-อภิรักษ์-ถาวร” ด้านปลัด กทม.สั่ง ผอ.สปภ.สรุปรถดับเพลิงนำรายงานผู้ว่าฯ กทม.พร้อมเตรียมจ่ายค่างวดรถดับเพลิงครั้งที่ 5 อีก 790 ล้านบาท
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมช.มท.) เตรียมหารือกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถึงการนำรถ และเรือดับเพลิงของกทม.ออกมาใช้ เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาเรื่องการเสียค่าเช่าที่จอด จำนวนหลายล้านบาท ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าวกับแกนนำ หรือนักกฎหมายภายในพรรค ซึ่งหลังจากที่ตนเข้าไปปฏิบัติงานใน กทม.และได้รับรายงาน พร้อมกับรับมอบนโยบายแล้วคงต้องมีการหารือร่วมกัน ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค นายถาวร และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้งถึงมาตรการที่ถูกต้องและเหมาะสม เบื้องต้นตนไม่เห็นด้วยที่จะนำรถ และเรือดับเพลิงของ กทม.ออกมาใช้ประโยชน์ในตอนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ม.ค.) นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.เดินทางเข้าพบนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมเปิดเผยว่า ตนได้หารือถึงปัญหาโครงการรถและเรือดับเพลิง ของ กทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่ง นายถาวร ได้สอบถามว่า กทม.จะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ตนเห็นว่า ควรรอให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เข้ามาก่อน จากนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงควรพิจารณาร่วมกัน ทั้งกระทรวงมหาดไทย กทม.อัยการ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐมากที่สุด
นายพงศัศักติฐ์ กล่าวว่า ส่วนที่ก่อนหน้านี้ นายถาวร อยากให้นำรถและเรือออกมาใช้งาน เพราะมีปัญหาเรื่องการจอดรถที่ต้องเสียค่าเช่าจำนวนหลายล้านบาทนั้น ก็คงจะต้องนำมาหารือด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานกฎหมายและคดี กทม.ดำเนินการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงทั้งหมด เพื่อนำเสนอรายงานให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รับทราบในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) หลังจากที่เข้ามาปฏิบัติงานที่ศาลาว่าการ กทม.อย่างเป็นทางการวันแรก
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 ก.พ.2552 นี้ เป็นวันครบกำหนดที่ กทม.จะต้องจ่ายค่างวดรถและเรือดับเพลิง งวดที่ 5 ให้กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์ซอย์ ประเทศออสเตรีย จำนวน 15,870,115.63 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 790 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้สำนักป้องกันฯ เตรียมที่จะทำเรื่องเสนอผู้บริหารอนุมัติงบประมาณเพื่อชำระค่างวดรถดังกล่าวแล้ว เนื่องจากหนังสือแอลซีมีผลบังคับใช้ และสัญญาการจัดซื้อยังไม่ได้ยกเลิก กทม.จึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงก่อนหน้านี้
