xs
xsm
sm
md
lg

“ข่วงกำกึ๊ด” เวทีความคิดเพื่อชีวิต-สิ่งแวดล้อม “คนเวียงสา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลานข่วงกำกิ๊ดประจำตำบล
การเก็บข้อมูลสถิติการเสียชีวิตของประชากรใน ต.ส้าน อ.เวียงสา จ.น่าน โดยสถานีอนามัยตำบลส้าน พบว่า มะเร็งตับ เป็นโรคอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตประชากรมากที่สุด โดยชาวบ้านส้านกว่าร้อยละ 30 มีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นผลจากการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาจากสารเคมีก็คือสภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชนก็ยิ่งเสื่อมโทรมลงไปทุกวัน

ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ตำบลส้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น องค์การบริหารส่วนตำบลส้าน จึงได้ร่วมกับ สำนักงานเกษตรอำเภอเวียงสา สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเวียงสา และสถานีอนามัยตำบลส้าน จัดทำโครงการ “ข่วงกำกึ๊ด” วิถีทางเลือกด้านสุขภาพ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสให้คนในชุมชนได้ร่วมกันคิดแก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาชุมชนให้มีความน่าอยู่ เป็นสังคมที่มีจิตใจดีงานมีความเอื้ออาทร ซึ่งจะส่งผลให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นายประยูร อินต๊ะวิชัย
นายประยูร อินต๊ะวิชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาส้าน ประธานโครงการข่วงกำกึ๊ดฯ เปิดเผยว่า ตำบลส้านมีประชากรอยู่ 370 ครัวเรือน มีอาชีพทำการเกษตรปลูกพืชเศรษฐกิจอย่าง ข้าว, ถั่วเหลือง, ข้าวโพด และรับปลูกเมล็ดพันธุ์พืช โดยอาศัยน้ำจากลำห้วยร่องเป้ามาใช้ในภาคการเกษตรและใช้อุปโภคและบริโภคในครัวเรือน ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงในชุมชนพบว่า ปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สภาพเศรษฐกิจและสังคมของคนในชุมชนเกิดขึ้นตั้งปี 2539 และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปัญหาแหล่งน้ำขาดแคลน สารเคมีปนเปื้อนในดินและน้ำ ความเสื่อมโทรมของทรัพยากร บรรดาพืชผัก ปลาเล็กปลาน้อยในลำห้วยก็เริ่มหายไป ชาวบ้านเริ่มดำเนินชีวิตอย่างยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อความยากลำบากทวีความรุนแรง ชาวบ้านจึงเริ่มตื่นตัวที่จะค้นหาต้นตอของปัญหา เริ่มจากการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันในวงเล็กๆ เริ่มขยายขึ้นเป็นวงใหญ่ ทาง อบต.จึงได้จัดเวทีการประชุมประชาคมหมู่บ้านขึ้นอย่างเป็นทางการขึ้นในปี 2549 เพื่อให้เปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนได้ร่วมเล่า และรับฟังปัญหาในทุกแง่มุมของสมาชิกแต่ละคน

“ปัญหาที่คนในชุมชนรู้สึกว่าเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขเป็นอันดับแรก คือ การประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อทำการเกษตร ทำให้ได้ผลผลิตน้อย รายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอต่อรายจ่าย เมื่อทุกคนเกิดความตระหนักและเข้าใจในปัญหาแล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเริ่มระดมความคิดหาวิธีทางแก้ไข ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จ โดยทาง อบต.ได้เปลี่ยนชื่อเรียกเวทีการประชุมประชาคมหมู่บ้าน เป็น “ข่วงกำกึ๊ด” ซึ่งคำว่า “ข่วง” เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ลาน ส่วนคำว่า “กำกึ๊ด” แปลว่า ความคิด เมื่อรวมกันจึงหมายถึงลานความคิด ที่เป็นศูนย์รวมความฝันร่วมกันของคนหลากหลายความคิดที่อยากให้เกิดเป็นสังคมที่ดีงาม ซึ่งจะทำให้สมาชิกในชุมชนรู้สึกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะแง่มุมใดก็ตาม ก็คือปัญหาของตัวเอง ที่จะต้องมีส่วนร่วมแก้ไขโดยไม่เกี่ยงว่าเป็นปัญหาของใคร” นายประยูร กล่าว

ลานข่วงกำกึ๊ด ของชุมชน ตั้งอยู่ใน “วัดนาส้าน” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านมักจะมาทำกิจกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะประเพณีงานบุญงานกุศลต่างๆ อีกทั้งเยาวชนมักมารวมตัวกันเล่นกีฬาที่ลานวัดทุกเย็น ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานเกษตรอำเภอเวียงสา สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเวียงสา และสถานีอนามัยตำบลส้าน จะนัดหมายชาวบ้านมาร่วมกันนำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไข รวมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินเป็นประจำทุกเดือน

นางสาวบุศราภรณ์ สมบัติปัน เจ้าหน้าที่นโบยายและแผน อบต.ส้าน เลขานุการโครงการข่วงกำกึ๊ดฯ เปิดเผยว่าปัญหาหลักที่ชุมชนให้ความสนใจคือการขาดแคลนแหล่งน้ำสำหรับภาคการเกษตร ซึ่งมีการร่วมกันคิดหาวิธีแก้ไข และได้คำตอบที่เกิดจากประชามติคือต้องทำให้ลำห้วยร่องเป้าซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติในชุมชนซึ่งแห้งขอดทุกฤดูแล้ง ให้สามารถเก็บกักน้ำฝนได้ จึงเกิดแนวคิดการสร้างฝายชะลอน้ำในลำห้วยร่องเป้า
นางสาวบุศราภรณ์ สมบัติปัน
“ชาวบ้านได้ช่วยกันออกแบบฝายชะลอน้ำแบบลองผิดลองถูกด้วยตนเองมาหลายรูปแบบ ซึ่งได้บทสรุปจากการเรียนรู้ว่าควรใช้วัสดุที่คงทนถาวร จะได้ไม่เสียงบประมาณในการทำฝายบ่อยๆ โดยมีการสร้างฝายคอนกรีตแบบขุดลึกลงลำห้วยกันการกัดเซาะของน้ำจำนวน 12 ลูก ซึ่งผลปรากฏว่า สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ตลอดทุกฤดู ชาวบ้านสามารถเลี้ยงปลาในกระชังได้ บริเวณสองฝั่งลำห้วยสามารถปลูกพืชผักนานาชนิดได้เป็นอย่างดีเพราะไม่ขาดแคลนน้ำ ชาวบ้านก็เกิดความภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองได้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำและร่วมทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมในชุมชนกลับคืนมา” นางสาวบุศราภรณ์ กล่าว

ด้านนางมาลี นันทะเสน อายุ 70 ปี เกษตรกรอาวุโสของ ต.ส้าน เปิดเผยว่า กว่า 10 ปีที่ชาว ต.ส้าน ต้องประสบปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ ทำให้การทำมาหากินยากลำบาก จะปลูกอะไรก็ต้องพึ่งพาสารเคมีเพื่อให้ได้ผลผลิตเยอะๆ แม้จะได้เงินเพิ่มแต่สุขภาพกลับเสื่อมโทรมลง

“เมื่อมีมติชุมชนให้ช่วยกันสร้างฝาย ปลูกผัก เลี้ยงปลาในห้วยร่องเป้า รวมถึงเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบชีวภาพ แม้ผลผลิตทางการเกษตรจะยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่ทุกวันนี้ทุกคนในชุมชนต่างก็กินอิ่มนอนหลับ สุขภาพแข็งแรง มีเงินส่งลูกหลานเรียนได้ตามที่ตั้งใจ เพราะธรรมชาติที่ทุกคนได้ช่วยกันฟื้นฟูขึ้นมา ได้กลายเป็นฐานทรัพยากรอาหารให้แก่ทุกคนในชุมชนได้อย่างเป็นดี” ป้ามาลี กล่าวด้วยความภูมิใจ

เมื่อแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แล้ว มติของชาวบ้านจากเวที “ข่วงกำกึ๊ด” ที่ดำเนินงานต่อไป คือ การสร้างความรู้ความเข้าใจและกระตุ้นให้เกิดการทำเกษตรกรรมแบบพึ่งพาธรรมชาติโดยลดการสารเคมี ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิตในภาคการเกษตรได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงรณรงค์ให้มีการปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือน และจำหน่ายแก่คนทั้งในและนอกชุมชนได้ ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพแบบพึ่งพาตนเอง อันจะทำให้ชาวบ้านสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้โดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นต้นทุนของชีวิตอีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น