ผู้จัดการ กยศ.หวั่นล้มละลายหากนำเงินทุนสำรองหมื่นล้านปล่อยกู้ให้นักศึกษาครอบคลุมปี 2- 4 ตามนโยบาย “จุรินทร์”เพราะจะไม่มีเงินเหลือในกองทุนทันที ชี้หากรัฐจะนำออกไปใช้ก็ต้องจัดสรรมาทดแทน
นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายให้ทบทวนระเบียบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ถึงความเป็นไปได้ที่จะให้นิสิตนักศึกษา ปี 2-4 มีสิทธิ์กู้ว่า ในการประชุมผู้บริหาร ศธ.ซึ่งนายจุรินทร์เป็นประธานในวันที่ 12 มกราคมนี้ ตนจะรายงานถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ กยศ.และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต(กรอ.) พร้อมกับรับฟังนโยบายเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานของ กยศ.ทั้งการให้กู้ยืมภาคเรียนที่ 2/2551 ที่ยังค้างอยู่ และที่จะเปิดให้กู้ยืมภาคเรียนที่ 1/2552 จาก รมว.ศธ.ด้วย พร้อมกันนี้จะรายงานให้นายจุรินทร์รับทราบถึงความเสี่ยงทางด้านการเงินของ กยศ. หากจะนำเงินสำรองของ กยศ.ที่มีอยู่เกือบ 10,000 ล้านบาท มาจัดสรรการกู้ยืม เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินสำรองของ กยศ. ไม่ใช่เงินเหลือแต่อย่างใด
“หากนำเงินดังกล่าวมาใช้ รัฐบาลก็ต้องจัดสรรคืนให้ ไม่เช่นนั้น กยศ.ก็จะสิ้นสภาพกองทุน เช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่จำเป็นต้องมีเงินสำรอง เพื่อประกันความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศ จึงไม่อาจนำเงินสำรองออกมาใช้ได้ ดังนั้น วิธีการที่จะให้เป็นไปตามนโยบาย รมว.ศธ.คงต้องไปประชุมหาทางออกร่วมกันในการประชุมดังกล่าว”
นพ.ธาดา กล่าวต่อไปว่า สำหรับความคืบหน้าของยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.กยศ. ที่จะรวมข้อดีของ กยศ.และกรอ.เป็นกองทุนเดียวกันนั้น ขณะนี้ได้นำเสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.กยศ.ดังกล่าวต่อกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีแล้ว ส่วนความคืบหน้าโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 2551- 31 มีนาคม 2552 ใน 26 จังหวัด เพื่อลดคดีที่จะนำขึ้นสู่ศาล และเพื่อประหยัดงบประมาณในการฟ้องร้องนั้น มีผู้กู้มาขอไกล่เกลี่ยแล้ว 10,000 กว่าราย
นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายให้ทบทวนระเบียบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ถึงความเป็นไปได้ที่จะให้นิสิตนักศึกษา ปี 2-4 มีสิทธิ์กู้ว่า ในการประชุมผู้บริหาร ศธ.ซึ่งนายจุรินทร์เป็นประธานในวันที่ 12 มกราคมนี้ ตนจะรายงานถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ กยศ.และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต(กรอ.) พร้อมกับรับฟังนโยบายเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานของ กยศ.ทั้งการให้กู้ยืมภาคเรียนที่ 2/2551 ที่ยังค้างอยู่ และที่จะเปิดให้กู้ยืมภาคเรียนที่ 1/2552 จาก รมว.ศธ.ด้วย พร้อมกันนี้จะรายงานให้นายจุรินทร์รับทราบถึงความเสี่ยงทางด้านการเงินของ กยศ. หากจะนำเงินสำรองของ กยศ.ที่มีอยู่เกือบ 10,000 ล้านบาท มาจัดสรรการกู้ยืม เนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินสำรองของ กยศ. ไม่ใช่เงินเหลือแต่อย่างใด
“หากนำเงินดังกล่าวมาใช้ รัฐบาลก็ต้องจัดสรรคืนให้ ไม่เช่นนั้น กยศ.ก็จะสิ้นสภาพกองทุน เช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่จำเป็นต้องมีเงินสำรอง เพื่อประกันความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศ จึงไม่อาจนำเงินสำรองออกมาใช้ได้ ดังนั้น วิธีการที่จะให้เป็นไปตามนโยบาย รมว.ศธ.คงต้องไปประชุมหาทางออกร่วมกันในการประชุมดังกล่าว”
นพ.ธาดา กล่าวต่อไปว่า สำหรับความคืบหน้าของยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.กยศ. ที่จะรวมข้อดีของ กยศ.และกรอ.เป็นกองทุนเดียวกันนั้น ขณะนี้ได้นำเสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.กยศ.ดังกล่าวต่อกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีแล้ว ส่วนความคืบหน้าโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 2551- 31 มีนาคม 2552 ใน 26 จังหวัด เพื่อลดคดีที่จะนำขึ้นสู่ศาล และเพื่อประหยัดงบประมาณในการฟ้องร้องนั้น มีผู้กู้มาขอไกล่เกลี่ยแล้ว 10,000 กว่าราย
