"แก้วสรร"ควง "แอ๊ด-คาราบาว"หาเสียงครั้งแรกที่จตุจักร ชูนโยบายจัดระเบียบทางเดินไม่วางของเกะกะ ทำจุดพักสำหรับนักท่องเที่ยว สร้างอุปกรณ์กันแดด-ฝนให้สวยงาม พร้อมยกสินค้าแฮนด์เมดเป็นจุดขายของจตุจักร ขณะที่ ลีน่าจัง เปิดตัวระฆังรับเรื่องราวร้องทุกข์
นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)หมายเลข 12 กลุ่มกรุงเทพฯใหม่ พร้อมด้วยนายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ดคาราบาว คณะทำงานฝ่ายศิลปวัฒนธรรม กลุ่มกรุงเทพฯใหม่ ลงพื้นที่แจกแผ่นพับแนะนำตัวให้กับผู้ค้า ประชาชนที่ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้นายแก้วสรร กล่าวถึงการพัฒนาตลาดนัดจตุจักร ว่า ตลาดนัดจตุจักรมีกลไกที่ต้องเก็บเงินผู้ค้าเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาตลาด แต่เท่าที่ทราบเงินดังกล่าวกลับนำไปพัฒนาพื้นที่ไม่ได้ตามเป้าหมายเนื่องจากมีการทุจริตคอรัปชั่น ดังนั้นหากตนเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม.ตนจะเข้ามาสะสางเรื่องดังกล่าว และจะนำเงินส่วนที่ต้องพัฒนาตลาดมาเป็นเงินที่พัฒนาตลาดอย่างแท้จริง ซึ่งมีสิ่งที่ตลาดควรได้รับการพัฒนาคือ 1. ทางเดินต้องเป็นระเบียบไม่มีของวางขายเกะกะ โดยให้หน้าร้านขายของจัดวางของไม่ล้ำพื้นที่ที่กำหนด จัดหาร่มกันแดด หรืออุปกรณ์กันแดดที่สวยงาม เพื่อสร้างความประทับใจ 2. จุดสำหรับเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักหลังจากที่เดินเล่น เดินซื้อของอย่างเหน็ดเหนื่อย 3.สร้างอุปกรณ์กันแดดหรือฝนให้
นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาของผู้ค้าที่ปัจจุบันผู้ค้าที่มีแผงตั้งอยู่ด้านในของตลาดคนเดินเข้าไปซื้อของน้อยมาก เนื่องจากทางเดินอัดแน่นไปด้วยสินค้า มีผู้ค้าหาบเร่ขายอยู่ตามทางเท้า ตนจะเข้ามาแก้ไขด้วยการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือ เพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่น เปิดทางเดินให้เป็นทางเดินของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เป็นที่วางขายสินค้า นอกจากนั้นแล้วจะจัดโซนสินค้าใหม่ทั้งหมด และจะให้สินค้าแฮนด์เมดเป็นจุดขายของตลาดนัดจตุจักร
ด้านแอ๊ด คาราบาว กล่าวว่า ตอนนี้เป็นโอกาสดีของคนกรุงเทพฯ ที่จะได้ผู้ว่าฯ ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนดีมาอาสาทำงานเพื่อบ้านเมือง แต่ปฏิเสธที่จะได้รับตำแหน่งใด ๆ หากนายแก้วสรรได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.
ก่อนหน้านี้ นางลีนา จังจรรจา หรือลีน่าจัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เดินทางมาที่ตลาดนัดจตุจักรเช่นกัน ได้นำแนวคิดการปกครองของไทยสมัยโบราณ เมื่อราษฎรเดือดร้อนก็จะไปร้องทุกข์ให้ช่วยเหลือ โดยเปิดตัวระฆังผู้ว่าฯ กทม. ให้ประชาชน ข้าราชการมาเคาะระฆังร้องทุกข์กับตนได้ ซึ่งจะรับร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนด้านต่างๆ เช่น น้ำท่วม ขยะ ไฟฟ้าแสงสว่าง ไม่มีที่ขายของ ถูกข้าราชการรีดไถ การถูกละเมิดทางเพศ เป็นต้น
นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)หมายเลข 12 กลุ่มกรุงเทพฯใหม่ พร้อมด้วยนายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ดคาราบาว คณะทำงานฝ่ายศิลปวัฒนธรรม กลุ่มกรุงเทพฯใหม่ ลงพื้นที่แจกแผ่นพับแนะนำตัวให้กับผู้ค้า ประชาชนที่ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้นายแก้วสรร กล่าวถึงการพัฒนาตลาดนัดจตุจักร ว่า ตลาดนัดจตุจักรมีกลไกที่ต้องเก็บเงินผู้ค้าเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาตลาด แต่เท่าที่ทราบเงินดังกล่าวกลับนำไปพัฒนาพื้นที่ไม่ได้ตามเป้าหมายเนื่องจากมีการทุจริตคอรัปชั่น ดังนั้นหากตนเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม.ตนจะเข้ามาสะสางเรื่องดังกล่าว และจะนำเงินส่วนที่ต้องพัฒนาตลาดมาเป็นเงินที่พัฒนาตลาดอย่างแท้จริง ซึ่งมีสิ่งที่ตลาดควรได้รับการพัฒนาคือ 1. ทางเดินต้องเป็นระเบียบไม่มีของวางขายเกะกะ โดยให้หน้าร้านขายของจัดวางของไม่ล้ำพื้นที่ที่กำหนด จัดหาร่มกันแดด หรืออุปกรณ์กันแดดที่สวยงาม เพื่อสร้างความประทับใจ 2. จุดสำหรับเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักหลังจากที่เดินเล่น เดินซื้อของอย่างเหน็ดเหนื่อย 3.สร้างอุปกรณ์กันแดดหรือฝนให้
นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาของผู้ค้าที่ปัจจุบันผู้ค้าที่มีแผงตั้งอยู่ด้านในของตลาดคนเดินเข้าไปซื้อของน้อยมาก เนื่องจากทางเดินอัดแน่นไปด้วยสินค้า มีผู้ค้าหาบเร่ขายอยู่ตามทางเท้า ตนจะเข้ามาแก้ไขด้วยการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือ เพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่น เปิดทางเดินให้เป็นทางเดินของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เป็นที่วางขายสินค้า นอกจากนั้นแล้วจะจัดโซนสินค้าใหม่ทั้งหมด และจะให้สินค้าแฮนด์เมดเป็นจุดขายของตลาดนัดจตุจักร
ด้านแอ๊ด คาราบาว กล่าวว่า ตอนนี้เป็นโอกาสดีของคนกรุงเทพฯ ที่จะได้ผู้ว่าฯ ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนดีมาอาสาทำงานเพื่อบ้านเมือง แต่ปฏิเสธที่จะได้รับตำแหน่งใด ๆ หากนายแก้วสรรได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.
ก่อนหน้านี้ นางลีนา จังจรรจา หรือลีน่าจัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เดินทางมาที่ตลาดนัดจตุจักรเช่นกัน ได้นำแนวคิดการปกครองของไทยสมัยโบราณ เมื่อราษฎรเดือดร้อนก็จะไปร้องทุกข์ให้ช่วยเหลือ โดยเปิดตัวระฆังผู้ว่าฯ กทม. ให้ประชาชน ข้าราชการมาเคาะระฆังร้องทุกข์กับตนได้ ซึ่งจะรับร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนด้านต่างๆ เช่น น้ำท่วม ขยะ ไฟฟ้าแสงสว่าง ไม่มีที่ขายของ ถูกข้าราชการรีดไถ การถูกละเมิดทางเพศ เป็นต้น
