รายการพันธมิตรฯ พบประชาชน “สนธิ” แฉนายตำรวจใกล้ชิด “แม้ว” เดินเกมยัดข้อหาก่อการร้ายเติมเชื้อไฟ ประกาศ “เอเอสทีวี” เป็นสื่อของพันธมิตรฯ ไม่เป็นกลาง แต่ยืนข้างความถูกต้อง แนะคน กทม.ไม่ต้องเลือก “แก้วสรร” หากยังมี “แอ๊ด-บาว” ร่วมทีม ขณะที่ “สมเกียรติ” ชี้กำลังอยู่ในระยะฟักตัวและออกแบบเพื่อการต่อสู้ครั้งใหม่สำหรับการปฏิรูปทุกองค์กร
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "พันธมิตรฯพบประชาชน"
วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันจัดรายการพันธมิตรพบประชาชนในห้องส่งเอเอสทีวี โดย มีสโรชา พรอุดมศักดิ์ และจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายสนธิ กล่าวว่า การชุมนุมของพันธมิตรที่ต่อเนื่องยาวนาน 193 วัน หรือกว่า 6 เดือน ทำให้เวลานี้มีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ และได้พัฒนาการต่อสู้จากเดิมที่มีเพียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่คราวนี้เพิ่มคนอื่นๆเข้าไปด้วย เช่น นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นต้น และว่าการต่อสู้ครั้งนี้สามารถบรรลุธรรม เพราะแม้มีทั้งทายาทอสูรออกมามากมาย พี่น้องก็จะดูออกหมด เพราะประชาชนได้สะสมองค์ความรู้ การจุดเทียนแห่งปัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของประชาชนเริ่มต่นจากน้อยไปหามาก และได้พัฒนาไปสู่คุณภาพ และพัฒนาไปทุกรูปอบบ แต่ในช่วงนี้เป็นช่วงของการฟักตัว เพื่อจะออกมาต่อสู้ในรูปแบบใหม่ และจะมีการออกแบบใหม่ทั้งจากพี่น้องประชาชนและแกนนำ
นายสนธิ กล่าวว่า การพัฒนาของพี่น้องประชาชนจะเกิดการเปรียบขึ้นมาในใจทันทีหากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่นคดีที่ตำรวจพยายามยกขึ้นมากลั่นแกล้ง เช่นกรณีจะพยายามกล่าวหาในคดีก่อการร้าย ซึ่งมีนายตำรวจบางคนมีความจงใจวางปผนทำขึ้นมา เช่น พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ พล.ต.ท ชลอ ชูวงศ์ เป็นต้น และเมื่อเปรียบเทียบกับคดีที่มีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าทำร้ายประชาชน ตำรวจกลับไม่กระตือรือล้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่บางคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือว่าเป็นการเติมเชื้อไฟขึ้นมาอีกรอบ
นายสมเกียรติ กล่าวเสริมว่า โดยเตือนว่าให้ระมัดระวัง เพราะต่อไปจะเกิดการปฏิรูปทุกองค์กร และทำให้เกิดกองทัพประชาชนที่ยิ่งใหญ่
จากนั้น นายสนธิยังได้ตำหนิสื่อมวลชนบางแห่ง โดยเฉพาะพิธีกรทางโทรทัศน์หลายคนที่มีปัญหาทางด้านสติปัญหาและความรู้ ซึ่งล้าหลังยิ่งกว่าพี่น้องประชาชน เช่นพยายามเสนอแต่เรื่องเก้าอี้หรือโต๊ะในทำเนียบฯ เสียหาย แต่ไม่เคยคิดว่าถ้าพวกเราพันธมิตรฯไม่ออกมาต่อสู้ด้วยความเสียสละ รัฐธรรมนูญก็ถูกแก้ไขเพื่อฟอกความผิด องคมนตรีก็ถูกทำลายไปแล้ว
“ต่อให้เก้าอี้อีกล้านตัวเสียหาย สนามบินอีกสักสนามมันก็ยังคุ้มเลย ซึ่งที่จริงแล้วเราไม่อยากพูดว่าตลอดเวลาของการต่อสู้ก็มีพวกที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อที่ให้ร้าย ทำลายเราตลอดเวลา” นายสนธิ ระบุ และว่า พวกเราไม่ได้แบ่งค่าย แต่เราแบ่งความชั่วกับความดี ความถูกกับความผิดเท่านั้น ถามว่าการแก้กฎหมายเพื่อไม่ให้คนมีความผิด เห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่เห็นด้วย แล้วมาให้ร้ายเราทำไม
นายสมเกียรติ กล่าวว่า สังคมกำลังพัฒนาไปสู่การไม่ฟังนักวิชาการ ไม่ฟังสื่อ เพราะต่อไปจะกลายเป็นสิ่งปฏิกูลทางสังคม เพราะพี่น้องประชาชนไม่เชื่อถือ
นายสนธิ ได้พูดประกาศจุดยืนของเอเอสทีวีว่า เป็นทีวีของพันธมิตรฯ และว่าได้ประกาศต่อหน้าพนักงานและพิธีกรทุกคนว่าจะไม่มีความเป็นกลาง แบบกลางกลวงอีกต่อไป เพราะจะต้องเลือกเอาระหว่างถูกหรือผิด ชั่วหรือดีเท่านั้นต้องให้ชัด
ในตอนท้าย นายสนธิยังได้พูดถึง นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่ได้ประกาศ ให้นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ร่วมอยู่ในทีมว่า ที่จริงก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่เมื่อ นายแก้วสรรได้เลือก แอ๊ด คาราบาว มาร่วม ถือว่าคนคนนี้ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร เพียงแค่นักฉวยโอกาสเท่านั้น ดังนั้นก็ถือว่านายแก้วสรรก็ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย ขอให้พี่น้องอย่าไปเลือกนายแก้วสรรก็แล้วกัน