แพทย์แผนไทยแนะสมุนไพรไทยพื้นบ้าน 8 ชนิด ได้แก่ ขิง ดีปลี เมล็ดเพกา มะขามป้อม มะขาม มะนาว มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น มีสรรพคุณแก้ไข้หวัดที่มาพร้อมภัยหนาว เสนอเป็นทางเลือกแนวประหยัดสำหรับประชาชน
นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ขณะนี้สภาพอากาศประเทศไทยกำลังหนาวเย็น โรคที่ประชาชนมักป่วยกันมากในฤดูนี้ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ มากที่สุดคือ ไข้หวัด เนื่องจากอากาศมีความชื้นน้อย มีปริมาณฝุ่นละอองมากกว่าฤดูอื่น จึงทำให้เกิดระคายเคืองระบบทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น ผู้ที่ต้องระวังรักษาสุขภาพให้ดีในฤดูหนาว ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว เช่น หอบหืด ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เด็ก และผู้สูงอายุ ควรใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเพียงพอ โดยทั่วไปเมื่อเป็นไข้หวัด อาการจะทุเลาไปเองประมาณ 1 สัปดาห์ ไม่ต้องกินยา ในระหว่างที่ป่วยให้จิบน้ำอุ่น พักผ่อนให้มากๆ แต่สิ่งที่เป็นเรื่องน่ารำคาญของโรคนี้คือ น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ และหายใจลำบาก
นพ.นรา กล่าวว่า จากการสำรวจพืชสมุนไพรพื้นบ้านของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ พบว่ามีสมุนไพรไทยพื้นบ้านหลายชนิดที่บรรเทาอาการ แต่มี 8 ชนิดที่นิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการไข้หวัด ลดอาการไอ ลดการระคายเคืองคอจากเสมหะ ได้แก่ ขิง ดีปลี เมล็ดเพกา มะขามป้อม มะขาม มะนาว มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้มีอยู่ตามพื้นบ้านทุกภาคอยู่แล้ว มีสรรพคุณต่างกัน สามารถเลือกใช้ตามอาการได้
สำหรับสรรพคุณสมุนไพร 8 ชนิด ดังนี้ ขิง มีรสหวานเผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสียด แก้เสมหะ แก้คลื่นเหียนอาเจียน ดีปลี มีรสเผ็ด ร้อน ขม ใช้กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ เพกาหรือ ลิ้นฟ้า ส่วนที่ใช้คือเมล็ดแห้งจากฝักแก่ มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ มะขามป้อม เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ใช้แก้ไอ กระตุ้นน้ำลายให้ชุ่มคอ แก้คอแห้ง ขับเสมหะ มะขาม ช่วยขับเสมหะ มะนาวนั้น ใช้ผลสดคั้นเอาน้ำใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ มะแว้งเครือ มะแว้งต้น สรรพคุณเหมือนกัน เป็นยากัดเสมหะ ช่วยขับเสมหะ มีรสขม