รณรงค์อุบัติเหตุปีวัว 52 ชู “ท้องถิ่น ชุมชน ปลอดภัย ด้วยวินัยจราจร” จัดอาสาสมัครเตือนคนเดินทาง ชี้ ตาย-เจ็บ ปีใหม่ สูญกว่าหมื่นล้าน เทียบสร้าง รพ.พร้อมเครื่องมือได้ครบ มากกว่า 40 แห่ง เผยอุบัติโหด 40% เพราะดื่มแล้วขับ ผลวิจัยยันดื่มเสี่ยงตาย 10 เท่า ตำรวจเข้ม ห้ามขายเหล้าในปั๊ม-เด็กต่ำ 18 ยันจับแน่ถ้าเจอขายนอกเวลา พร้อมผุดด่านเกือบ 3 พันจุดต่อวัน ปภ.ได้ฤกษ์เปิดศูนย์ป้องกันฯ 29 ธ.ค.ทั่วประเทศ อปท.ขานรับยันความปลอดภัย เป็นภารกิจที่ต้องช่วยกัน
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดแถลงข่าว “ท้องถิ่น ชุมชน ปลอดภัย ด้วยวินัยจราจร” โดย ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษา สสส.กล่าวว่า ในการเฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2552 นี้ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รณรงค์ “ท้องถิ่น ชุมชนปลอดภัย ด้วยวินัยจราจร” โดยมีเยาวชนศูนย์เสมาส่งเสริมศีลธรรม 1,600 คน เป็นอาสาสมัครตลอด 7 วัน ในปั๊มน้ำมันถนนสายหลัก 8 จังหวัดเสี่ยง อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา และเครือข่ายหมออนามัยทั่วประเทศ 11,771 คน จะรณรงค์ทุกจังหวัด ขณะที่เครือข่ายแท็กซี่สามล้อไทยปลอดภัยใสสะอาด และสามล้อเอื้ออาทรเพื่อคนจน จะจัดรถรณรงค์กว่า 200 คันแห่ทั่ว กทม.ติดสติกเกอร์ “365 วันปลอดภัยด้วยวินัยจราจร” ในวันที่ 25 ธ.ค.และ 30 ธ.ค.พร้อมจัดรถสามล้อบริการ รับส่งผู้โดยสารฟรี จากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ถึงขนส่งหมอชิต เพื่อ “คนอีสาน ส่งพี่น้องกลับบ้านให้ปลอดภัย” แจกน้ำดื่ม ผ้าเย็น ตลอดงาน และ สคอ.จะจัดทีม 4 ภาค เพื่อสำรวจพฤติกรรมการขับขี่ และเป็นกำลังใจให้กับผู้ร่วมรณรงค์ทุกคน
ศ.นพ.อุดมศิลป์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำนักอำนวยการความปลอดภัยทางถนน กรมทางหลวง อุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2550 ประเมินว่า แค่เพียง 7 วัน สร้างความสูญเสียถึง 11,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำไปสร้างโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ครบครัน ที่ใช้งบประมาณราว 250 ล้านต่อแห่ง ได้ถึง 40 แห่ง ความสูญเสียนี้เกิดขึ้นกับคนไทยทุกปีในช่วงเทศกาล ซึ่งปี 2551 เกิดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่เกือบ 4,500 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 401 ศพ บาดเจ็บเกือบ 5,000 คน โดยสาเหตุหลักของความเจ็บตาย โศกนาฏกรรม คือ น้ำเมา และขับเร็ว
“ช่วงปีใหม่ 2551 ผู้ประสบอุบัติเหตุเกิดจากการดื่มแล้วขับมากเป็นอันดับหนึ่ง คือ 40.80% ข้อมูลวิชาการ ระบุว่า เหล้าคือตัวอันตราย ผู้ที่ดื่มแล้วขับจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเกือบ 10 เท่า เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเกือบ 7 เท่า ผู้ที่บาดเจ็บล้มตายในเทศกาลแห่งความสุขนั้น คือ เด็กอายุต่ำกว่า 19 ปี ถึง 29.22% และเป็นวัยแรงงานถึง 57.88% โดยรถจักรยานยนต์ยังคงครองแชมป์พาคนไปสู่ความตายมากที่สุดถึง 84.57% ซึ่งการขับขี่จักรยานยนต์จะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่รุนแรงถึงชีวิต มากกว่าการใช้รถประจำทางสูงถึง 750 เท่า” ศ.นพ.อุดมศิลป์ กล่าว
ขณะที่ นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมช่วงเทศกาลปีใหม่ กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมระดับจังหวัด 75 จังหวัด ระดับอำเภอ 877 อำเภอ พร้อมทั้งประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีจุดตรวจหลักทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 2,800 จุดต่อวัน ซึ่งจะเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2552 ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์อุบัติเหตุตลอด
นายวสันต์ วรรณวโรทร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกล่าว อบต., เทศบาล, อบจ.ทั่วประเทศตระหนักดีว่าความปลอดภัยในการเดินทางเป็นภารกิจที่ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย โดยเฉพาะ อบต.มีการเสริมกำลังตั้งจุดบริการ, จุดตรวจในระดับหมู่บ้าน, ตำบล ดึงแม่บ้าน อสม., อปพร.เข้าร่วมงาน หวังปกป้องชีวีตลูกหลานในท้องถิ่นชุมชนให้ได้มากที่สุด ยันระดับนโยบายหนุนจัดกิจกรรมประเพณีปลอดน้ำเมา กระตุ้นทุกครอบครัวหันมาสนใจเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เกรงว่า หากปล่อยปะละเลยอาจกลายเป็นภาระ สร้างความสูญเสียให้กับครอบครัวท้ายสุดก็ต้องเป็นภาระของท้องถิ่น ชุมชนอยู่ดี โดยเฉพาะลูกหลานที่กลับจากการทำงานมาเยี่ยมพ่อแม่ในต่างจังหวัด ต้องให้มีการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยเพื่อจะได้กลับไปทำงานหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวกันต่อไป
ด้านพล.ต.ต.วัฒนา กฤติยะโชติ ผู้บังคับการกองพัฒนาการจราจรและบริการประชาชน (กพจ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ 2552 ตลอดช่วง 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2551-5 ม.ค.2552 ได้เตรียมความพร้อม จนท.ตำรวจ ตั้งด่านตรวจเข้มทั้งประเทศ ทั้งคน สภาพถนน รถและสัญญาไฟ เครื่องหมาย สัญญาณจราจร ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา และขอความร่วมมือเจ้าของกิจการให้งดการนำรถบรรทุก 6 ล้อ ขึ้นไป มาวิ่งในช่วงเทศกาล ซึ่งจะจัดตำรวจอำนวยความสะดวกประจำจุดทางร่วม ทางแยก ทางโค้ง บริเวณที่มีปัญหาการจราจร และคุมเข้มมาตรการ 3 ม 2 ข 1 ร อาทิ ห้ามขับจักรยานยนต์หากไม่สวมหมวกนิรภัย ห้ามขับรถขณะเมาสุรา ห้ามขับเร็วกว่ากฎหมายกำหนด
“จะมีการตั้งจุดตรวจในพื้นที่ และชุดตระเวนตรวจจับ ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และให้ความสำคัญกับเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช่แค่การตรวจจับผู้เมาแล้วขับ เพราะเหล้าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยจะประสานกับสรรพสามิตในพื้นที่ ดูแลไม่ให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กำหนด ห้ามจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน สถานศึกษา ศาสนสถานตลอดช่วง 7 วัน” พล.ต.ต.วัฒนา กล่าว
พล.ต.ต.เจษฎา อินทรสถิตย์ ผู้บังคับการกองบินตำรวจ สำนักตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กองบินตำรวจได้เตรียมความพร้อมช่วยชีวิตผู้ประสบอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ โดยร่วมมือกับร.พ.ตำรวจ จัดเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมีแพทย์ประจำตลอด 24 ชม.ในพื้นที่ 2 จุดสำคัญ คือ 1.นครราชสีมา ดูแลพื้นที่จาก กรุงเทพฯ ถึงขอนแก่น 2.นครสวรรค์ ดูแลพื้นที่จากกรุงเทพฯ ถึง พิษณุโลก เนื่องจากทั้ง 2 จุด เป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการจราจรติดขัด ทั้งจากการเดินทางที่หนาแน่น และสภาพเส้นทางที่มีทั้งภูเขา และทางลาดชัน การมีเฮลิคอปเตอร์ ที่จะนำผู้ประสบอุบัติเหตุสาหัส ไปถึงสถานพยาบาล หรือส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษา จะรักษาชีวิตของผู้ประสบเหตุไว้ได้ ซึ่งจะเริ่มประจำการตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.2551 - 5 ม.ค.2552 การติดต่อจัดส่งผู้ประสบเหตุจะผ่านทางศูนย์นเรนทร