แม่ค้ากรี๊ดสนั่น “แซม” ลงพื้นที่หาเสียงตลาดราชวัตร ชูนโยบายการศึกษาให้เด็กสังกัด กทม.ได้เรียนฟรี 14 ปี อย่างทั่วถึง พร้อมเปิดพื้นที่ “ดนตรี-กีฬา” แก้ปัญหาเด็กติดเกม เอาเคล็ดลูบกล้วยให้ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ
เมื่อเวลา 11.30 น. นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 10 พรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่เดินหาเสียงที่ตลาดราชวัตร ศรีย่าน ซึ่งได้รับการตอบรับจากบรรดาพ่อค้า แม่ค้า และผู้ที่เดินจับจ่ายใช้สอยในขณะนั้นเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแม่ค้าที่หลังจากได้สวมกอด นายยุรนันท์ ถึงกับป่าวประกาศว่า “ได้กอดแซมแล้วดีใจจังเลย” ส่วนคนที่ไม่ได้กอดก็จะพูดว่า “อิจฉาคนได้กอดจังเลย” ขณะที่พ่อค้าบางคนนำกล้องโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ นายยุรนันท์ เดินผ่านร้านต่างๆ เมื่อผ่านร้านขายผลไม้ นายยุรนันท์ ได้ใช้มือลูบกล้วยเพื่อที่จะให้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยด้วย นอกจากนี้ นายยุรนันท์ ยังเข้าไปทักทายกับข้าราชการ กทม.2 ราย ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างทาง โดยกล่าวว่า “เอ้า พวกเราชาว กทม.เพื่ออีกหน่อยได้ทำงานด้วยกันเน๊อะ”
ต่อมาเวลา 15.00 น.ที่หน้าโรงเรียนวัดจันทรสโมสร สังกัด กทม.พื้นที่เขตดุสิต นายยุรนันท์ ได้แถลงนโยบายด้านการศึกษา การแก้ไขปัญหาร้านเกม ร้านเน็ต ว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 2 สมัย และคุณพ่อเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น ตนจึงรู้ปัญหาการศึกษาเป็นอย่างดี โดยตนมีนโยบายที่จะให้เด็ก กทม.ทุกคนได้เรียนฟรี 12 ตามกฎหมาย และอีก 2 ปี ตามที่รัฐบาลมีนโยบาย และเด็ก กทม.ทุกคนจะต้อง “เท่าเทียม ทั่วถึง ทันโลก” ซึ่งเท่าเทียม คือ ต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง คือ โรงเรียนทั้ง 435 แห่งของ กทม.จะต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ส่วนทันโลก คือ เด็ก กทม.จะต้องรู้เท่าทันโลกซึ่งตนจะไม่เน้นเฉพาะวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่จะเพิ่มกิจกรรมสันทนาการทั้งดนตรี กีฬาให้เด็กได้ทำอีกด้วย และที่สำคัญ เด็ก กทม.จะต้องเรียนรู้คู่คุณธรรมไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
นอกจากนี้ ตนยังมีนโยบายที่จะคัดเลือกครูเก่งๆ มากวดวิชาให้กับเด็กนักเรียน กทม.ที่เรียนอ่อนผ่านโทรทัศน์ กทม.ที่จะแพร่ภาพผ่านฟรีทีวี ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียไปกับการจ่ายค่ากวดวิชา อีกทั้งยังทำให้เด็กได้มีเวลาอยู่กับผู้ปกครองมากยิ่งขึ้นด้วย
นายยุรนันท์ กล่าวต่อว่า สำหรับโรงเรียนประถมศึกษาที่มีความพร้อมตนก็จะเปิดเป็นโรงเรียนขยายโอกาสในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นให้มากขึ้นเพื่อจะได้แก้ปัญหาขาดแคลนที่เรียนให้กับเด็กซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังคงเป็นปัญหาอยู่ ทั้งนี้ โรงเรียน กทม.ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียน 2 ภาษาทั้งหมด เพราะเป็นประเทศไทยมีภาษาไทย เป็นภาษาหลัก หากโรงเรียนใดที่สนใจด้านภาษาต่างประเทศ ตนก็จะเพิ่มหลักสูตรเข้าไปให้เลือกเรียนได้ ในส่วนของสวัสดิการครู กทม.ที่มีอยู่กว่า 17,000 คน นั้น ตนก็จะเข้ามาดูแลให้เต็มที่โดยจะต้องสอบถามเขาว่ามีความต้องการอะไรเพื่อที่จะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุดต่อไป
สำหรับการแก้ไขปัญหาเด็กติดเกมนั้น นายยุรนันท์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนมีลูกย่อมรู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ซึ่งปัจจุบันนี้เกมที่ขาวๆ ไม่มีความรุนแรงก็มีอยู่จำนวนมาก พ่อแม่จึงควรเป็นคนคัดเลือกเกมเหล่านี้ให้ลูกเล่น โดยการติดตั้งโปรแกรมสกรีนนิ่ง เพราะตนก็ใช้โปรแกรมนี้เช่นกัน รวมถึงเราต้องเปิดพื้นที่ให้เด็กๆเหล่านี้ได้มีโอกาสแสดงออกทั้งการเล่นดนตรี และกีฬา โดยเฉพาะในวัยหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่โรงเรียน สถานที่ราชการต่างๆ รวมถึงห้างสรรพสินค้าจะต้องมีพื้นที่ให้เด็กได้ทำกิจกรรม
เมื่อเวลา 11.30 น. นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 10 พรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่เดินหาเสียงที่ตลาดราชวัตร ศรีย่าน ซึ่งได้รับการตอบรับจากบรรดาพ่อค้า แม่ค้า และผู้ที่เดินจับจ่ายใช้สอยในขณะนั้นเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแม่ค้าที่หลังจากได้สวมกอด นายยุรนันท์ ถึงกับป่าวประกาศว่า “ได้กอดแซมแล้วดีใจจังเลย” ส่วนคนที่ไม่ได้กอดก็จะพูดว่า “อิจฉาคนได้กอดจังเลย” ขณะที่พ่อค้าบางคนนำกล้องโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ นายยุรนันท์ เดินผ่านร้านต่างๆ เมื่อผ่านร้านขายผลไม้ นายยุรนันท์ ได้ใช้มือลูบกล้วยเพื่อที่จะให้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างง่ายๆ เหมือนปอกกล้วยด้วย นอกจากนี้ นายยุรนันท์ ยังเข้าไปทักทายกับข้าราชการ กทม.2 ราย ที่จอดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างทาง โดยกล่าวว่า “เอ้า พวกเราชาว กทม.เพื่ออีกหน่อยได้ทำงานด้วยกันเน๊อะ”
ต่อมาเวลา 15.00 น.ที่หน้าโรงเรียนวัดจันทรสโมสร สังกัด กทม.พื้นที่เขตดุสิต นายยุรนันท์ ได้แถลงนโยบายด้านการศึกษา การแก้ไขปัญหาร้านเกม ร้านเน็ต ว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 2 สมัย และคุณพ่อเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น ตนจึงรู้ปัญหาการศึกษาเป็นอย่างดี โดยตนมีนโยบายที่จะให้เด็ก กทม.ทุกคนได้เรียนฟรี 12 ตามกฎหมาย และอีก 2 ปี ตามที่รัฐบาลมีนโยบาย และเด็ก กทม.ทุกคนจะต้อง “เท่าเทียม ทั่วถึง ทันโลก” ซึ่งเท่าเทียม คือ ต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง คือ โรงเรียนทั้ง 435 แห่งของ กทม.จะต้องมีมาตรฐานเดียวกัน ส่วนทันโลก คือ เด็ก กทม.จะต้องรู้เท่าทันโลกซึ่งตนจะไม่เน้นเฉพาะวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่จะเพิ่มกิจกรรมสันทนาการทั้งดนตรี กีฬาให้เด็กได้ทำอีกด้วย และที่สำคัญ เด็ก กทม.จะต้องเรียนรู้คู่คุณธรรมไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
นอกจากนี้ ตนยังมีนโยบายที่จะคัดเลือกครูเก่งๆ มากวดวิชาให้กับเด็กนักเรียน กทม.ที่เรียนอ่อนผ่านโทรทัศน์ กทม.ที่จะแพร่ภาพผ่านฟรีทีวี ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองประหยัดค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียไปกับการจ่ายค่ากวดวิชา อีกทั้งยังทำให้เด็กได้มีเวลาอยู่กับผู้ปกครองมากยิ่งขึ้นด้วย
นายยุรนันท์ กล่าวต่อว่า สำหรับโรงเรียนประถมศึกษาที่มีความพร้อมตนก็จะเปิดเป็นโรงเรียนขยายโอกาสในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นให้มากขึ้นเพื่อจะได้แก้ปัญหาขาดแคลนที่เรียนให้กับเด็กซึ่งปัจจุบันเรื่องดังกล่าวยังคงเป็นปัญหาอยู่ ทั้งนี้ โรงเรียน กทม.ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียน 2 ภาษาทั้งหมด เพราะเป็นประเทศไทยมีภาษาไทย เป็นภาษาหลัก หากโรงเรียนใดที่สนใจด้านภาษาต่างประเทศ ตนก็จะเพิ่มหลักสูตรเข้าไปให้เลือกเรียนได้ ในส่วนของสวัสดิการครู กทม.ที่มีอยู่กว่า 17,000 คน นั้น ตนก็จะเข้ามาดูแลให้เต็มที่โดยจะต้องสอบถามเขาว่ามีความต้องการอะไรเพื่อที่จะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุดต่อไป
สำหรับการแก้ไขปัญหาเด็กติดเกมนั้น นายยุรนันท์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนมีลูกย่อมรู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ซึ่งปัจจุบันนี้เกมที่ขาวๆ ไม่มีความรุนแรงก็มีอยู่จำนวนมาก พ่อแม่จึงควรเป็นคนคัดเลือกเกมเหล่านี้ให้ลูกเล่น โดยการติดตั้งโปรแกรมสกรีนนิ่ง เพราะตนก็ใช้โปรแกรมนี้เช่นกัน รวมถึงเราต้องเปิดพื้นที่ให้เด็กๆเหล่านี้ได้มีโอกาสแสดงออกทั้งการเล่นดนตรี และกีฬา โดยเฉพาะในวัยหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่โรงเรียน สถานที่ราชการต่างๆ รวมถึงห้างสรรพสินค้าจะต้องมีพื้นที่ให้เด็กได้ทำกิจกรรม