“ชูวิทย์” ฟันธง “มาร์ค” นั่งนายกฯ ไม่นาน ชี้ “สุขุมพันธุ์” ดู กทม.ดีกว่า “อภิรักษ์”

“ชูวิทย์” ฟันธง!! “อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯแป๊ปเดียว ชี้เป็นเวรกรรมที่ได้เป็นรัฐบาลช่วง ศก.ย่ำแย่ เชื่อ “สุขุมพันธุ์” เป็นผู้ว่าฯ กทม.ดีกว่า “อภิรักษ์” เตือนระวัง “เนวิน” นอกใจ


นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.สังกัดอิสระ กล่าวถึงกรณีการที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้จัดตั้งรัฐบาล และอาจจะมีความเป็นได้สูงที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จากพรรคดังกล่าวจะได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ด้วย ว่า ตนยินดีด้วยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่คงเป็นได้ไม่นาน ซึ่งตนมองว่าเหมือนเป็นเวรกรรม ที่ ปชป.ได้จัดตั้งรัฐบาลในช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่ ซึ่งตนยังมองว่า การที่ ปชป.เป็นรัฐบาลครั้งนี้เป็นเกมการเมืองที่ปล่อยให้ ปชป.ได้แสดงความสามารถในช่วงเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเห็นว่า ปชป.ก็จะทำได้ไม่ดี และสุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ คะแนนจะตีกลับไปที่พรรคเพื่อไทย และได้กลับมาเป็นรัฐบาลได้อย่างสง่างาม

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตนก็คาดว่า ปชป.โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะได้กลับมาสานงานต่องานที่ คุณอภิรักษ์ ทำเอาไว้ ซึ่งไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับการทำงานร่วมกับรัฐบาล และเชื่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะทำได้ดีกว่าสมัย นายอภิรักษ์ โดยเฉพาะการประสานงานกับ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) จากพรรคเพื่อไทย และองค์กรเอกชนต่างๆ

นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า ตนมองว่า งานนี้ ปชป.ได้สองเด้ง คือ ได้หม่อม มาทำงานบริหาร กทม.และได้ นายอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาล แต่ขอเตือน นายอภิสิทธิ์ ว่า อย่าเพิ่งดีใจที่ได้เป็นรัฐบาล ที่รอมานานกว่า 10 ปี เพราะอาจจะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจาก นายเนวิน ชิดชอบ หากเปรียบกับละครเรื่อง “สามก๊ก” นายเนวิน ก็เหมือนตัวละคร ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “ลิโป้” ซึ่งมีลักษณะเป็นผู้ประสานงานที่ดี แต่ไม่มีความจริงใจกับใคร และหากผิดใจกับใคร นายเนวิน ก็พร้อมจะตีตัวออกห่างได้ทุกเวลา

“เกมการเมืองครั้งนี้ ผมคิดว่า ปชป.ไม่ฉลาดที่เป็นรัฐบาลในตอนนี้ เพราะการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมคาดว่า พรรคเพื่อไทย จะกลับมาเป็นรัฐบาลได้อย่างสง่างาม” นายชูวิทย์ กล่าว

ด้านนายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ ส.ก.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ไม่น่าจะมีผลกระทบกับผู้ว่าฯ กทม.ไม่ว่าจะมาจากพรรคใดๆ ก็ตาม เนื่องจากการทำงานของรัฐบาล กับ การบริหาร กทม.แยกออกจากกันอย่างชัดเจน มีการกระจายอำนาจให้ผู้ว่าฯ กทม.ดูแลบริหารจัดการอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ในเรื่องงบประมาณ ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะรัฐบาลต้องกระจายงบกว่า 35% ให้ท้องถิ่นบริหารจัดการ ซึ่งปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะได้เพียง 1.5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 25% ในการบริหาร กทม.แต่ก็ต้องให้อำนาจและงบประมาณ กทม.อย่างเต็มที่

“อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าใครจะมาบริหาร กทม.ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็นเรื่องของการกาสิทธิ์กันมากกว่า เพราะท้ายที่สุดรัฐบาลก็ต้องอนุมัติงบและกระจายอำนาจให้ กทม.ตามข้อกำหนดของการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น” นายวิสูตร กล่าว