วานนี้(24 พ.ย.)ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล ผู้ดำเนินรายการข่าวและพิธีกรรายการโทรทัศน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระว่า ขณะนี้ค่อนข้างจะมีความเป็นไปได้ 85-90 % ที่ตนจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระ ซึ่งเบื้องต้นได้นัดผู้สื่อข่าวร่วมฟังแถลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เวลา 14.00 น. ที่คอนโดฯส่วนตัว “มูนทาว์เวอร์ ซอยสุขุมวิท 59 กทม.
ทั้งนี้ สาเหตุที่ยังไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ เนื่องจากยังไม่อยากพูดเรื่องการเมืองในตอนนี้ และยังมีภารกิจที่ต้องสะสาง ต้องออกรายการจนถึงวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ และในวันที่ 29 พฤศจิกายน จะแถลงข่าวทีเดียว อีกทั้งกระแสข่าวว่าตนจะเป็นทีมรองผู้ว่าฯ หรือที่ปรึกษาของผู้สมัครพรรคใดๆนั้น ก็ไม่เป็นความจริง
"ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ถ้ามีชื่อผมควรจะออกมาจากปากผมคนเดียว ซึ่งก็เข้าใจว่าการเล่นการเมือง จะมีการอ้างชื่อลอยๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา"
ม.ล.ณัฐกรณ์ ยังกล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในนามพรรคฯ แทนที่จะเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส. กทม. ว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะคนกรุงเทพฯ ต้องการอนาคต ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ไม่ได้ต้องการคนที่เป็นอดีตของพรรคฯ แต่อย่างใด ซึ่งการที่ตนพูดเช่นนี้ ตนไม่ได้ว่าใคร แต่คิดว่าจะทำให้ฐานเสียงประชาธิปัตย์จะน้อยลง และได้คะแนนไม่ถึง 5 แสนคะแนน อีกทั้งหาก นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ลงสมัครอีก จะทำให้คนกรุงฯ โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เทคะแนนให้นายแก้สรร เป็นจำนวนมากแน่ ส่วนพรรคพลังประชาชน (พปช.) จะส่งใคร ตนไม่ขอพูดถึง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าตนเองเป็นอนาคตของคนกรุงเทพฯ ใช่เหรือไม่ ม.ล.ณัฐกรณ์ กล่าวว่า "ผมมองว่าเวทีครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ต้องการความเป็นอนาคต ซึ่งผมก็มองว่าผมก็เป็นอนาคตให้ครกรุงเทพฯได้"
ด้านดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ หรือ ดร.แดน อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามอิสระ หมายเลข 2 กล่าวถึง กรณีที่มีข่าวออกมาในสื่อหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้นัดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ และตัวแทนของตน ได้มาหารือที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เพื่อเจรจาให้ร่วมมือเทคะแนนให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่เคยคิดที่จะส่งตัวแทนไปเจรจาร่วมมือกับพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมระบุว่า ตนมีเจตจำนงค์อย่างแน่วแน่ที่จะรับใช้บ้านเมือง และพี่น้องชาวกรุงเทพฯ แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมทุน ซึ่งหากรวมรวมได้ทัน ก็จะมีการแถลงกับผู้สื่อข่าวภายหลังเช่นกัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ยังไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ เนื่องจากยังไม่อยากพูดเรื่องการเมืองในตอนนี้ และยังมีภารกิจที่ต้องสะสาง ต้องออกรายการจนถึงวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ และในวันที่ 29 พฤศจิกายน จะแถลงข่าวทีเดียว อีกทั้งกระแสข่าวว่าตนจะเป็นทีมรองผู้ว่าฯ หรือที่ปรึกษาของผู้สมัครพรรคใดๆนั้น ก็ไม่เป็นความจริง
"ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ถ้ามีชื่อผมควรจะออกมาจากปากผมคนเดียว ซึ่งก็เข้าใจว่าการเล่นการเมือง จะมีการอ้างชื่อลอยๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา"
ม.ล.ณัฐกรณ์ ยังกล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในนามพรรคฯ แทนที่จะเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส. กทม. ว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะคนกรุงเทพฯ ต้องการอนาคต ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ไม่ได้ต้องการคนที่เป็นอดีตของพรรคฯ แต่อย่างใด ซึ่งการที่ตนพูดเช่นนี้ ตนไม่ได้ว่าใคร แต่คิดว่าจะทำให้ฐานเสียงประชาธิปัตย์จะน้อยลง และได้คะแนนไม่ถึง 5 แสนคะแนน อีกทั้งหาก นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ลงสมัครอีก จะทำให้คนกรุงฯ โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เทคะแนนให้นายแก้สรร เป็นจำนวนมากแน่ ส่วนพรรคพลังประชาชน (พปช.) จะส่งใคร ตนไม่ขอพูดถึง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าตนเองเป็นอนาคตของคนกรุงเทพฯ ใช่เหรือไม่ ม.ล.ณัฐกรณ์ กล่าวว่า "ผมมองว่าเวทีครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ต้องการความเป็นอนาคต ซึ่งผมก็มองว่าผมก็เป็นอนาคตให้ครกรุงเทพฯได้"
ด้านดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ หรือ ดร.แดน อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามอิสระ หมายเลข 2 กล่าวถึง กรณีที่มีข่าวออกมาในสื่อหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้นัดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ และตัวแทนของตน ได้มาหารือที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เพื่อเจรจาให้ร่วมมือเทคะแนนให้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่เคยคิดที่จะส่งตัวแทนไปเจรจาร่วมมือกับพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมระบุว่า ตนมีเจตจำนงค์อย่างแน่วแน่ที่จะรับใช้บ้านเมือง และพี่น้องชาวกรุงเทพฯ แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมทุน ซึ่งหากรวมรวมได้ทัน ก็จะมีการแถลงกับผู้สื่อข่าวภายหลังเช่นกัน