xs
xsm
sm
md
lg

ตะลึง! ว่าที่คุณแม่สูบบุหรี่สูง 2 หมื่นคนต่อปี อีก 61% รับควันบุหรี่มือสอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิจัย เผย หญิงตั้งครรภ์สูบบุหรี่-ได้รับควันมือสองไม่รู้พิษภัยบุหรี่ส่งผลถึงลูกในท้อง คลอดก่อนกำหนด เด็กเตี้ยผิดปกติ มีโอกาสแท้ง ตะลึง หญิงท้องประมาณ 9,500-17,059 คนต่อปีสูบบุหรี่ อีก 61% เกือบ 5 แสนคน ได้รับควันบุหรี่มือสองจากสามีและพ่อตัวเอง

วันที่ 8 ธันวาคม น.ส.มนทกานติ์ เชื่อมจิต ตัวแทนคณะวิจัยการสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ของหญิงมีครรภ์ในประเทศไทย ของวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลหญิงตั้งครรภ์อายุ 18 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศจำนวน 1,600 คนจาก 11 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ธ.ค.2551 พบว่า มีหญิงตั้งครรภ์ 20 คน หรือประมาณ 1.2% สูบบุหรี่ขณะที่ตั้งครรภ์ และอีกกว่า 61% ของกลุ่มตัวอย่างไม่ได้สูบบุหรี่ด้วยตนเอง แต่ก็ได้รับควันบุหรี่มือสองขณะที่ตั้งครรภ์

น.ส.มนทกานติ์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาในส่วนของผู้หญิงที่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ พบว่า 55% อยู่กับสามี นอกจากสูบบุหรี่แล้วในจำนวนนี้กว่า 40% ดื่มสุราด้วยเช่นกัน โดยรายได้ของกลุ่มตัวอย่างที่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์เฉลี่ย 9,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ สาเหตุของการสูบบุหรี่ในหญิงตั้งครรภ์เกิดจากการอยากทดลองถึง 55% รองลงมา คือ 50% ตามเพื่อน, 40% คลายเครียด และยังเชื่อว่า การสูบบุหรี่เป็นวิธีการสร้างความเป็นตัวของตัวเอง แสดงออกถึงการเอาจริงจัง เป็นการผ่อนคลายจากการทำงานหนัก

“ส่วนสาเหตุที่เลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ 52% คือ เห็นคนอื่นสูบแล้วอยากสูบตาม, 42% เป็นความเคยชิน นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังถือว่าเป็นกิจกรรมยามว่างอันดับที่ 4 ของกลุ่มตัวอย่างที่สูบบุหรี่ หญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่ได้สูบ เพราะการชักชวนจากเพื่อนร่วมงาน 40%, เพื่อนสนิท 30%, สมาชิกในครอบครัว 25% และหัวหน้างานเป็นผู้ชวน 20%” น.ส.มนทกานติ์ กล่าว

น.ส.มนทกานติ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยได้รับควันบุหรี่มือสองจากสามีมากที่สุดถึง 70% จากบิดาตนเอง 33% ควันบุหรี่นอกบ้าน เช่น ตลาด ร้านค้า ท้องถนน ป้ายรถเมล์ ฯลฯ มีเพียง 2% เท่านั้นที่ตอบงานวิจัยนี้ว่าไม่ได้รับควันบุหรี่จากสถานที่แห่งใดเลย

“เป็นเรื่องที่น่าห่วงมากที่ทั้งหญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่และไม่สูบบุหรี่มีความรู้เรื่องว่าบุหรี่จะทำให้เป็นโรคมะเร็งและโรคถุงลมโป่งพอง แต่กลับไม่มีความรู้ว่า การสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสองขณะตั้งครรภ์มีผลต่อทารกในครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการคลอดก่อนกำหนด เด็กจะเตี้ยผิดปกติ โอกาสท้องนอกมดลูก ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีผลต่อสุขภาพของแม่และเด็กด้วยทั้งสิ้น”น.ส.มนทกานติ์ กล่าว

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า จากข้อมูลสำมะโนประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2550 พบว่า มีหญิงไทยตั้งครรภ์ประมาณ 8 แสนรายต่อปี ในจำนวนนี้มีข้อมูล ว่า หญิงตั้งครรภ์สูบบุหรี่จำนวน 17,059 คนต่อปี หากนำข้อมูลของงานวิจัยของ น.ส.มนทกานติ์ มาอ้างอิง คือ มีหญิงตั้งครรภ์สูบบุหรี่ 1.2% มาเทียบกับข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่มีหญิงตั้งครรภ์ปีละ 8 แสนคน จะมีผู้หญิงไทยสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ 9,500 คน ดังนั้น อาจพอสรุปได้ว่าในประเทศไทยมีหญิงสูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ประมาณ 9,500-17,059 คน และมีผู้ได้รับควันบุหรี่มือสองประมาณ 61% คือ ประมาณ 4.88 แสนรายต่อปี ซึ่งจำเป็นต้องมีการรณรงค์ให้หญิงตั้งครรภ์เห็นถึงพิษภัยของควันบุหรี่ รวมถึงสามีและสมาชิกในบ้านไม่สูบบุหรี่เมื่ออยู่ใกล้หญิงตั้งครรภ์

“จากข้อมูลของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ลอนดอน ระบุว่า หญิงตั้งครรภ์ที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงทำให้แท้งลูกเพิ่มขึ้น 27% ซึ่งเป็นสาเหตุการแท้งลูกในสหราชอาณาจักรปีละ 4,300 คน นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อโครโมโซมในตัวทารก และยังทำให้เลือดไปเลี้ยงรกน้อยลง ทำให้น้ำหนักตัว ความยาวของตัวทารกน้อยกว่าปกติ รวมถึงเส้นรอบหัวสั้นกว่าปกติส่งผลถึงระดับความสำเร็จทางการศึกษาต่ำกว่าเด็กที่ไม่ได้รับควันบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งได้ติดตามการศึกษายาวนานถึง 23 ปี”ศ.นพ.ประกิต กล่าว

ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะราชวิทยาลัยสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยาแห่งประเทศไทยควรดำเนินการหารือเพื่อรณรงค์ในเรื่องดังกล่าวในระหว่างที่หญิงมาฝากครรภ์ แนวทางแรก คือ การป้องกันไม่ให้เยาวชนหญิงติดบุหรี่ เพราะหากติดแล้วจะทำให้สูบอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงให้ความรู้เรื่องควันบุหรี่มือสองที่จะเป็นอันตรายกับทารกในครรภ์ พร้อมกับให้ความรู้สามีและสมาชิกภายในบ้านให้เลิกสูบบุหรี่ หรือหากทำไม่ได้ให้สูบบุหรี่นอกบ้านไกลจากหญิงตั้งครรภ์


กำลังโหลดความคิดเห็น