“ปลื้ม” เชื่อแม่ !! หาเสียงบองมาเช่ เน้นกลยุทธ์เข้าถึงปัญหา นำสมุดบันทึกปัญหาคนกรุง เผย อาจจัดพื้นที่สำหรับผู้ชุมนุมให้ถูกกฎหมายโดยเฉพาะเพื่อสร้าง กทม.เป็นเมืองแห่งความสงบสุข ขณะที่ “ลีน่าจัง” หาเสียงที่หอศิลป์ กทม.โจมตีนโยบายอดีตผู้ว่าฯ ใช้งบสร้างมาก แต่ใช้ไม่คุ้มค่า ส่วน “ธรณี” งดใส่เครี่องเพชรหาเสียง
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 8 กล่าวภายหลังลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดนัดบองมาเช่ ย่านประชาชื่น ว่า มาหาเสียงที่นี่ตามคำแนะนำของมารดาที่บอกว่าจะมีผู้คนเดินทางมารับประทานอาหารและจับจ่ายซื้อของในตอนกลางวัน และถือโอกาสนำสมุดมาบันทึกปัญหาของคนกรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่พบมีการร้องเรียนเรื่องปัญหาการจัดเก็บขยะ และเดินทาง การเดินรถของ ขสมก.ดังนั้น หากตนได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะประสานให้มีรถในทุกเส้นทาง และไม่ให้เกิดปัญหาการทับซ้อน นอกจากนี้ ตนมีแนวความคิดที่จะจัดหาพื้นที่ชุมนุมให้กับผู้ชุมนุมอย่างถูกกฎหมายโดยเฉพาะเพื่อไม่เป็นการรบกวนประชาชนทั่วไป ทั้งนี้เพื่อสร้างให้ กทม.เป็นเมืองแห่งความสงบสุข
ขณะที่นางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 4 ได้ลงพื้นที่หาเสียงเป็นครั้งแรกในย่านสีลม โดยแต่งกายชุดขาว-ดำ สวมแว่นตา และกางร่มสีดำปราศจากการสวมใส่เครื่องเพชรเหมือนทุกครั้ง โดยได้เดินทักทายกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนซึ่งสร้างรอยยิ้มให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
นางธรณี กล่าวว่า ที่ไม่ใส่เครื่องเพชร เพราะต้องรู้จักกาลเทศะ และชี้จุดทางเท้าที่พื้นถนนไม่เรียบ มีหลุมบ่อ หลายจุดให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมกับกล่าวว่า หากเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะใช้เมตตาจิตเข้ามาดูแลแก้ปัญหารถเข็นหาบเร่ที่จอดขวางทางเท้า เพราะต้องช่วยเหลือทั้งคนเดินเท้าและคนทำมาหากินด้วย
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนจะเน้นการลงพื้นที่เพียงลำพัง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวประหยัด และเข้าถึงประชาชนได้ง่าย สำหรับงบประมาณในการเสียงเลือกตั้งใช้จำนวนทั้งสิ้น 10 ล้านบาทเท่านั้น ไม่มากกว่านี้ เนื่องจากหากคำนวณตามจำนวนเงินเดือนของผู้ว่าฯ กทม.ที่จะได้รับแล้ว เพียงเดือนละ 100,000 บาท 4 ปี คิดเป็น 4 ล้านกว่าบาทเท่านั้น หากมีการใช้งบประมาณมากกว่านี้ คิดดูต้องการเป็นผู้ว่าฯ กทม.เพื่ออะไร
ด้านนางลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่า จัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 3 ในนามอิสระ ได้ลงพื้นที่หาเสียงยังหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พร้อมกับกล่าวโจมตีนโยบายการทำงาน ของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.ที่ใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างหอศิลป์แห่งนี้ แต่ไม่ได้นำพื้นที่ดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไป
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 8 กล่าวภายหลังลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดนัดบองมาเช่ ย่านประชาชื่น ว่า มาหาเสียงที่นี่ตามคำแนะนำของมารดาที่บอกว่าจะมีผู้คนเดินทางมารับประทานอาหารและจับจ่ายซื้อของในตอนกลางวัน และถือโอกาสนำสมุดมาบันทึกปัญหาของคนกรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่พบมีการร้องเรียนเรื่องปัญหาการจัดเก็บขยะ และเดินทาง การเดินรถของ ขสมก.ดังนั้น หากตนได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะประสานให้มีรถในทุกเส้นทาง และไม่ให้เกิดปัญหาการทับซ้อน นอกจากนี้ ตนมีแนวความคิดที่จะจัดหาพื้นที่ชุมนุมให้กับผู้ชุมนุมอย่างถูกกฎหมายโดยเฉพาะเพื่อไม่เป็นการรบกวนประชาชนทั่วไป ทั้งนี้เพื่อสร้างให้ กทม.เป็นเมืองแห่งความสงบสุข
ขณะที่นางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 4 ได้ลงพื้นที่หาเสียงเป็นครั้งแรกในย่านสีลม โดยแต่งกายชุดขาว-ดำ สวมแว่นตา และกางร่มสีดำปราศจากการสวมใส่เครื่องเพชรเหมือนทุกครั้ง โดยได้เดินทักทายกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนซึ่งสร้างรอยยิ้มให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
นางธรณี กล่าวว่า ที่ไม่ใส่เครื่องเพชร เพราะต้องรู้จักกาลเทศะ และชี้จุดทางเท้าที่พื้นถนนไม่เรียบ มีหลุมบ่อ หลายจุดให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมกับกล่าวว่า หากเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะใช้เมตตาจิตเข้ามาดูแลแก้ปัญหารถเข็นหาบเร่ที่จอดขวางทางเท้า เพราะต้องช่วยเหลือทั้งคนเดินเท้าและคนทำมาหากินด้วย
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนจะเน้นการลงพื้นที่เพียงลำพัง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวประหยัด และเข้าถึงประชาชนได้ง่าย สำหรับงบประมาณในการเสียงเลือกตั้งใช้จำนวนทั้งสิ้น 10 ล้านบาทเท่านั้น ไม่มากกว่านี้ เนื่องจากหากคำนวณตามจำนวนเงินเดือนของผู้ว่าฯ กทม.ที่จะได้รับแล้ว เพียงเดือนละ 100,000 บาท 4 ปี คิดเป็น 4 ล้านกว่าบาทเท่านั้น หากมีการใช้งบประมาณมากกว่านี้ คิดดูต้องการเป็นผู้ว่าฯ กทม.เพื่ออะไร
ด้านนางลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่า จัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 3 ในนามอิสระ ได้ลงพื้นที่หาเสียงยังหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พร้อมกับกล่าวโจมตีนโยบายการทำงาน ของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.ที่ใช้งบประมาณจำนวนมากในการสร้างหอศิลป์แห่งนี้ แต่ไม่ได้นำพื้นที่ดังกล่าว มาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไป