กรมสรรพาวุธ นำทหารช่างถอดล้อราชรถน้อย เพื่อซ่อมช่วงล่างอย่างละเอียด เผยใช้เทคนิคพิเศษระบบไฮโดรลิกในการเคลื่อนราชรถโดยให้นุ่มนวล และราบรื่นที่สุด ขณะที่กรมอู่ทหารเรือเตรียมตั้งนั่งร้านสูง 11.30 ม.จำนวน 24 ชุด โดยรอบ “พระมหาพิชัยราชรถ” เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ทำความสะอาดตั้งแต่ส่วนยอดลงมา
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (11 ก.พ.) นาวาโทประภาส สุขช่วย หัวหน้าโรงงานเชือกรอกและการอู่ กองโรงงานอู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ นำคณะทำงานเข้าตรวจสอบ และวัดขนาดห่วง และเชือกสำหรับชักลาก พระมหาพิชัยราชรถ และเตรียมติดตั้งนั่งร้าน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในงานออกพระเมรุพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
นาวาโทประภาส กล่าวว่า ทางโรงงานเชือกรอกและการอู่ นอกจากจะเข้ามาทำเชือกและดูแลความแข็งแรงสำหรับชักลากราชรถแล้ว ขณะนี้ได้รับการประสานจากกลุ่มงานวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ กรมศิลปากร ขอให้ช่วยติดตั้งนั่งร้านขนาดความสูง 11.30 ม.จำนวน 24 ชุด บริเวณโดยรอบพระมหาพิชัยราชรถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ เข้ามาทำความสะอาดพระมหาพิชัยราชรถอย่างละเอียด คาดว่า จะติดตั้งนั่งร้านเสร็จภายในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ยังวัดขนาดห่วงของพระมหาพิชัยราชรถ และห่วงบริเวณเกรินบันไดนาคที่ใช้ผูกเชือกชักลาก ซึ่งจะต้องเปลี่ยนเชือกใหม่ทั้งหมดให้มีความแข็งแรง และมีความยืดหยุ่นสูง เพราะต้องชักลากพระมหาพิชัยราชรถที่มีน้ำหนักกว่า 40 ตัน
ด้านนางจิราภรณ์ อรัณยะนาค ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการวิทยาศาสตร์การอนุรักษ์ หัวหน้ากลุ่มงานวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ กรมศิลปากร กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ทำความสะอาดราชรถในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งทำความสะอาดบุษบกชั้นที่ 2 ของพระมหาพิชัยราชรถตามขั้นตอนวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ และได้ขอให้กรมอู่ทหารติดตั้งนั่งร้านขนาดความสูงเท่ากับองค์พระมหาพิชัยราชรถ เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์สามารถขึ้นไปทำความสะอาดได้ตั้งแต่ส่วนยอดจนถึงด้านล่าง
“หากติดตั้งนั่งร้านเรียบร้อยแล้ว ทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จะกั้นพื้นที่เพื่อให้ประชาชนที่มาชมการซ่อม บูรณะราชรถไม่เข้ามาใกล้มากนัก เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายและอาจฝุ่นละเอียดที่ปลิวลงมา ทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้” นางจิราภรณ์ กล่าว
จากนั้นเวลา 09.45 น. พ.อ.ศักดา ศิริรัตน์ ผู้อำนวยการกองโรงงานช่างแสง ศูนย์อุตสาหการสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวภายหลังนำคณะทหารช่างกว่า 30 นาย ถอดอุปกรณ์ช่วงล่างของราชรถน้อย หมายเลข 9783 ว่า กรมสรรพาวุธได้ตรวจสภาพราชรถน้อยองค์นี้อย่างละเอียด โดยเฉพาะล้อช่วงล่างที่รับน้ำหนักทั้ง 4 ล้อ และล้อประดับอีก 4 ล้อ โดยนำแม่แรง และขอนไม้หนุนแล้วยกราชรถน้อยให้ลอยขึ้น จากนั้นถอดล้อออกไปตรวจสภาพและซ่อมแซม เนื่องจากราชรถน้อยหมายเลข 9783 ไม่ได้รับการบูรณะมานานมากแล้ว ต่างจากราชรถน้อยหมายเลข 9782 และ 9784 ที่ได้รับการบูรณะเมื่อครั้งใช้ในงานพระราชทานเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ดังนั้น จะมีการซ่อมช่วงล่างให้ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้มีความแข็งแรงรองรับน้ำหนักได้ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบช่วงล่าง และจะซ่อมพระเวชยันตรราชรถโดยละเอียด เพราะไม่ได้รับการซ่อมแซมมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 คาดว่า จะมีการชำรุดมากพอสมควร ต่างจากพระมหาพิชัยราชรถและราชรถน้อยอีกสององค์ที่ได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ.2539
“กรมสรรพาวุธจะตรวจสอบและซ่อมแซมราชรถอย่างละเอียดที่สุด คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือนก็จะแล้วเสร็จ โดยกรมสรรพาวุธจะนำเทคนิคพิเศษเข้ามาใช้ โดยจะคำนึงถึงการเคลื่อนที่อย่างคล่องตัวและให้เป็นไปอย่างนุ่มนวลที่สุด ซึ่งจะนำระบบไฮโดรลิกมาใช้ เพราะการเคลื่อนริ้วกระบวนพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อาจจะมีบางแห่งที่พื้นที่ถนนไม่เรียบส่งผลให้การเคลื่อนของล้อรับน้ำหนักอาจมีปัญหาเล็กน้อย ดังนั้น เราจึงพยายามแก้ปัญหาคำนวณการเคลื่อนที่ของราชรถทุกองค์ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่จะต้องเป็นเทคนิคที่ไม่ขัดต่อโบราณราชประเพณีด้วย”
พ.อ.ศักดา กล่าวอีกว่า ส่วนเกรินบันไดนาคจะเปลี่ยนลวดสลิงที่ควบคุมระบบกว้าน เพื่ออัญเชิญพระโกศพระศพจากพระยานมาศสามลำคานขึ้นประดิษฐานบนองค์ราชรถ ซึ่งจะหารือกับวิศวกรเพื่อปรับปรุงการการรับแรงน้ำหนักของเกรินบันไดนาค ซึ่งต้องต่อก้านหมุนของการกว้านให้กว้างขึ้น เพื่อช่วยผ่อนแรงในการใช้กำลังคนหมุน