ประธาน กกต.ทถ.กทม.บอก ยุบ 3 พรรค ไม่กระทบเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ยันจัดเลือกเลือกตั้งได้ตามปกติ ยกเว้นมีการปฏิวัติ วอนผู้สมัครงดหาเสียงวันเฉลิมฯ เกรงไม่เหมาะสม
นายมนูญ ศิริวรรณ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพฯ (ปธ.กกต.ทถ.กทม.) กล่าวถึงกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หลายคนกังวล ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ทำให้ขณะนี้รัฐบาลไม่มีรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.กลาง) อาจถูกส่งสัญญาณให้ลาออกทั้งคณะ จนอาจส่งจะกระทบต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจัดการเลือกตั้งโดย กกต.ทถ.กทม.และเป็นการควบคุมโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) ซึ่ง กกต.กลาง ไม่มีอำนาจจัดการโดยตรง เป็นเพียงคณะทำงานที่ควบคุมอยู่ห่างๆ ให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น การรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.ยังดำเนินการตามปกติถึงวันที่ 4 ธ.ค.นี้ และจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 11 ม.ค.2552 เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
นายมนูญ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ในกรณีหากมีเหตุปฏิวัติรัฐประหาร และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เกิดขึ้น เพราะต้องดูนโยบายของคณะปฏิวัติว่ามีแนวทางกับการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นอย่างไร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังคงดำเนินการไปตามแผนเลือกตั้งที่วางไว้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ที่ตนพูดไม่ได้หมายความว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น แต่พูดเผื่อเอาไว้กรณีหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังยืนยันว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ยังต้องดำเนินต่อไป และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น
“อยากฝากถึงผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ทุกคนด้วยว่า ในวันที่ 5 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอความร่วมมือให้ผู้สมัครทุกคนงดเว้นการหาเสียงเลือกตั้งในวันดังกล่าว 1 วัน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่เหมาะสม และหลังจากนั้นให้หาเสียงได้ตามปกติ โดยขอให้ปฏิบัติตัวตามระเบียบข้อบังคับอยู่ในกรอบของกฎหมายตามที่ กกต.กำหนด และระมัดระวังการติดป้ายหาเสียง และข้อห้ามในการหาเสียง เช่น แจกสิ่งของกับประชาชน เป็นต้น เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีข้อร้องเรียน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” ปธ.กกต.ทถ.กทม.กล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพฯ (ปธ.กกต.ทถ.กทม.) กล่าวถึงกรณีผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หลายคนกังวล ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย ทำให้ขณะนี้รัฐบาลไม่มีรักษาการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.กลาง) อาจถูกส่งสัญญาณให้ลาออกทั้งคณะ จนอาจส่งจะกระทบต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจัดการเลือกตั้งโดย กกต.ทถ.กทม.และเป็นการควบคุมโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) ซึ่ง กกต.กลาง ไม่มีอำนาจจัดการโดยตรง เป็นเพียงคณะทำงานที่ควบคุมอยู่ห่างๆ ให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น การรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.ยังดำเนินการตามปกติถึงวันที่ 4 ธ.ค.นี้ และจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 11 ม.ค.2552 เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
นายมนูญ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ในกรณีหากมีเหตุปฏิวัติรัฐประหาร และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เกิดขึ้น เพราะต้องดูนโยบายของคณะปฏิวัติว่ามีแนวทางกับการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นอย่างไร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังคงดำเนินการไปตามแผนเลือกตั้งที่วางไว้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ที่ตนพูดไม่ได้หมายความว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น แต่พูดเผื่อเอาไว้กรณีหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังยืนยันว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ยังต้องดำเนินต่อไป และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น
“อยากฝากถึงผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ทุกคนด้วยว่า ในวันที่ 5 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอความร่วมมือให้ผู้สมัครทุกคนงดเว้นการหาเสียงเลือกตั้งในวันดังกล่าว 1 วัน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความไม่เหมาะสม และหลังจากนั้นให้หาเสียงได้ตามปกติ โดยขอให้ปฏิบัติตัวตามระเบียบข้อบังคับอยู่ในกรอบของกฎหมายตามที่ กกต.กำหนด และระมัดระวังการติดป้ายหาเสียง และข้อห้ามในการหาเสียง เช่น แจกสิ่งของกับประชาชน เป็นต้น เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีข้อร้องเรียน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” ปธ.กกต.ทถ.กทม.กล่าว