30 องค์กรรวมตัวกันในนามเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมหยุดสงครามกลางเมือง ได้จัดกิจกรรม “ขอสันติสุขกลับสู่ประเทศไทย” ว.วชิรเมธี เทศน์ “ไทยล้วนเป็นพี่น้องกัน” ด้านเลขาฯ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค แนะรัฐคืนอำนาจ ปชช.-พธม.เลิกชุมนุมชั่วคราว
วันนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น.ลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพมหานคร เครือข่ายภาคประชาชนกว่า 30 องค์กร ได้รวมตัวกันในนามเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมหยุดสงครามกลางเมือง ได้จัดกิจกรรม “ขอสันติสุขกลับสู่ประเทศไทย” ขึ้น โดยมีประชาชนร่วมงานหลายร้อยคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในงาน มีการแสดงดนตรี มีการแสดงธรรมเทศนาโดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ในเรื่อง “ไทยล้วนเป็นพี่น้องกัน” โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า
“...ความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือความรุนแรงที่มีพร้อมความขัดแย้ง ต้องอย่าให้ความขัดแย้งนำไปสู่ความรุนแรง อยากให้ทุกฝ่ายเปิดใจให้กว้าง ยอมรับในประชาธิปไตย และประชาธิปไตยที่มีวิธีคิดอย่างสง่างาม ซึ่งทุกคนรอคอย ซึ่งสันติวิธีที่เกิดขึ้นในพื้นที่หัวใจของทุกคน หากใจเป็นสันติแล้ว ทุกอย่างก็จะสันติตามไปด้วย
สำหรับการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ในแง่กฎหมายประชาธิปไตย สามารถทำได้ แต่อยากเรียกร้องให้ใช้สันติวิธี ไม่นำไปสู่สงครามกลางเมือง ไม่ว่าจะสวมเสื้อสีใดก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่สมมติและเพิ่งเกิดขึ้นทั้งสิ้น แต่ชีวิตของเราเป็นเรื่องจริง ต้องเตือนว่าอย่ารักสิ่งสมมติมากกว่าสิ่งสมมติด้วยกัน” พระมหาวุฒิชัย กล่าว
นางสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคกล่าวว่า ภายหลังคำสั่งศาลกรณียุบพรรคออกมา อยากให้ทุกฝ่ายเคารพคำตัดสิน ไม่อยากให้คิดว่าคำตัดสินเป็นการรัฐประหารเงียบอย่างที่บางฝ่ายกล่าวถึง อยากให้มองว่าเป็นกติกาของบ้านเมือง เชื่อว่า สถานการณ์ต่อจากไป ในสถานการณ์ของนายกรัฐมนตรีที่เปลี่ยนไปเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ก็ควรยุบสภาคืออำนาจให้ประชาชน และพรรคการเมืองที่เหลือต้องช่วยกันหาทางออกแก่สังคม
นางสารี กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของผู้ชุมนุมนั้น ขอให้พันธมิตรฯยุติการชุมนุมชั่วคราว เนื่องจากเงื่อนไขสำคัญที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกได้หมดไปแล้ว แต่ทางฝั่ง นปช.ประกาศเคลื่อนไหวหลังคำตัดสินศาล ก็ขอให้เคารพคำตัดสินศาลด้วย อีกทั้งตำรวจที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ความเข้มงวดในการตรวจอาวุธอย่างจริงจัง ไม่ควรปล่อยให้มีการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมเหมือนที่ผ่านมา
“ไม่มีได้ตามที่ต้องการครบ ทุกฝ่ายต้องเสียสละ ตอนนี้ทุกอย่างให้ทุกอย่างยุติ แม้ชั่วคราวก็ยังดี ทุกฝ่ายเองเหนื่อยในการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ เมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน นายกรัฐมนตรีก็เปลี่ยนไปโดยปริยาย นปช.เสียใจกับพรรคที่ตัวเองสนับสนุนก็ต้องเคารพคำตัดสินด้วย อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาลบริหารบ้านเมืองไม่ได้ และปล่อยให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ ทุกวันก็ควรรับผิดชอบด้วยการคืนอำนาจแก่ประชาชน”
วันนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น.ลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพมหานคร เครือข่ายภาคประชาชนกว่า 30 องค์กร ได้รวมตัวกันในนามเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมหยุดสงครามกลางเมือง ได้จัดกิจกรรม “ขอสันติสุขกลับสู่ประเทศไทย” ขึ้น โดยมีประชาชนร่วมงานหลายร้อยคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในงาน มีการแสดงดนตรี มีการแสดงธรรมเทศนาโดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ในเรื่อง “ไทยล้วนเป็นพี่น้องกัน” โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า
“...ความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือความรุนแรงที่มีพร้อมความขัดแย้ง ต้องอย่าให้ความขัดแย้งนำไปสู่ความรุนแรง อยากให้ทุกฝ่ายเปิดใจให้กว้าง ยอมรับในประชาธิปไตย และประชาธิปไตยที่มีวิธีคิดอย่างสง่างาม ซึ่งทุกคนรอคอย ซึ่งสันติวิธีที่เกิดขึ้นในพื้นที่หัวใจของทุกคน หากใจเป็นสันติแล้ว ทุกอย่างก็จะสันติตามไปด้วย
สำหรับการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ในแง่กฎหมายประชาธิปไตย สามารถทำได้ แต่อยากเรียกร้องให้ใช้สันติวิธี ไม่นำไปสู่สงครามกลางเมือง ไม่ว่าจะสวมเสื้อสีใดก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่สมมติและเพิ่งเกิดขึ้นทั้งสิ้น แต่ชีวิตของเราเป็นเรื่องจริง ต้องเตือนว่าอย่ารักสิ่งสมมติมากกว่าสิ่งสมมติด้วยกัน” พระมหาวุฒิชัย กล่าว
นางสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคกล่าวว่า ภายหลังคำสั่งศาลกรณียุบพรรคออกมา อยากให้ทุกฝ่ายเคารพคำตัดสิน ไม่อยากให้คิดว่าคำตัดสินเป็นการรัฐประหารเงียบอย่างที่บางฝ่ายกล่าวถึง อยากให้มองว่าเป็นกติกาของบ้านเมือง เชื่อว่า สถานการณ์ต่อจากไป ในสถานการณ์ของนายกรัฐมนตรีที่เปลี่ยนไปเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ก็ควรยุบสภาคืออำนาจให้ประชาชน และพรรคการเมืองที่เหลือต้องช่วยกันหาทางออกแก่สังคม
นางสารี กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของผู้ชุมนุมนั้น ขอให้พันธมิตรฯยุติการชุมนุมชั่วคราว เนื่องจากเงื่อนไขสำคัญที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกได้หมดไปแล้ว แต่ทางฝั่ง นปช.ประกาศเคลื่อนไหวหลังคำตัดสินศาล ก็ขอให้เคารพคำตัดสินศาลด้วย อีกทั้งตำรวจที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ความเข้มงวดในการตรวจอาวุธอย่างจริงจัง ไม่ควรปล่อยให้มีการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมเหมือนที่ผ่านมา
“ไม่มีได้ตามที่ต้องการครบ ทุกฝ่ายต้องเสียสละ ตอนนี้ทุกอย่างให้ทุกอย่างยุติ แม้ชั่วคราวก็ยังดี ทุกฝ่ายเองเหนื่อยในการออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ เมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน นายกรัฐมนตรีก็เปลี่ยนไปโดยปริยาย นปช.เสียใจกับพรรคที่ตัวเองสนับสนุนก็ต้องเคารพคำตัดสินด้วย อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาลบริหารบ้านเมืองไม่ได้ และปล่อยให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ ทุกวันก็ควรรับผิดชอบด้วยการคืนอำนาจแก่ประชาชน”
