xs
xsm
sm
md
lg

เอ็นจีโอเรียกร้องเลิกตรวจเลือดหาเอดส์ กีดกั้นสิทธิการทำงาน‏

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอ็นจีโอ เรียกร้องหน่วยงานรัฐ-เอกชน เลิกบังคับลูกจ้างตรวจเลือดหาเอดส์กีดกันสิทธิการทำงาน เผย พบสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้พิพากษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กีดกันสิทธิชัดเจน ตั้งเป้าปี 52 รณรงค์อย่างจริงจัง

วันนี้ (1 ธ.ค.) น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ประธานคณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ. ) และผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ กล่าวว่า จากการร้องเรียนของมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ตลอดปี 2551 พบว่า มีผู้ติดเชื้อเอดส์ร้องเรียนว่ามีหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนที่มีนโยบายบังคับตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอดส์ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ในเรื่องสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ถือเป็นการปฏิบัติที่สวนทางกับการรณรงค์ของทั่วโลก ที่กำลังส่งเสริมให้มีการตรวจเอดส์โดยสมัครใจ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ แล้วพบว่ามีการบังคับให้ตรวจเลือดจริง อาทิ สำนักอัยการสูงสุด ผู้พิพากษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัท เอส พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัทในเครือ โรงแรมทวินทาวเวอร์ เป็นต้น

น.ส.สุภัทรา กล่าวต่อว่า เหตุผลหลักที่หน่วยงานมีการบังคับให้ตรวจเลือดผู้สมัครงาน คือ ผู้ติดเชื้อเป็นผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นภาระ ป่วยตายไว ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน และเป็นอันตรายต่อเพื่อนร่วมงาน ถือป็นความคิดแบบเก่า เพราะปัจจุบันภาครัฐพยายามลงทุนจำนวนมาก เพื่อให้คนกลุ่มนี้กลับมามีสุขภาพดี สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติได้ แต่การกีดกันการทำงานทำให้การลงทุนของรัฐนั้นเสียเปล่า และเป็นการกีดกันสิทธิเสรีภาพในการมีชีวิต เพราะผู้ติดเชื้อก็มีความสามารถเหมือนคนทั่วไป และไม่ได้เป็นภาระของหน่วยงาน เนื่องจากระบบหลักประกันทุกระบบได้ให้สิทธิแก่ผู้ป่วยอย่างทั่วถึงในปัจจุบัน

“ขณะนี้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาแล้ว 11 ราย และได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนด้วย สำหรับการประสานให้ความเป็นธรรม อยู่ระหว่างการยื่นหนังสือให้หน่วยงานต่างๆ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด โดยเฉพาะสำนักงานอัยการซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ต้องทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิและปฏิบัติตามกฎหมาย แต่กลับเป็นผู้ละเมิดเสียเอง ส่วนบริษัทเอกชนกำลังประสานเพื่อขอพบผู้บริหารเพื่อทำความเข้าใจซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือ”น.ส.สุภัทรา กล่าว

ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายในปี 2552 จะมีการเร่งรณรงค์เรื่องการกีดกันสิทธิของผู้ติดเชื้อให้หมดไปอย่างจริงจัง เพราะเมื่อผู้ป่วยมีสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว ก็ควรทำให้สามารถมีชีวิตปกติ มีอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวได้ ไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่ลงนามความตกลงกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ซึ่งผลกระทบต่อผู้ติดเชื้อถือเป็นเรื่องหนึ่งในข้อตกลงนี้
 
จึงมีการวางแนวทางปฏิบัติโดยกระทรวงแรงงานได้ลงนามไปเมื่อปี 2548 และมีแนวทางว่า ต้องไม่มีการบังคับตรวจเลือดในการสมัครงาน แต่ก็ยังไม่มีการปฏิบัติตามอย่างจริงจังแต่อย่างใด ซึ่งการกีดกันการทำงานจะทำให้การลงทุนดูแลผู้ป่วยให้มีสุขภาพดีนั้น เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า

“เชื่อว่า ยังมีผู้ติดเชื้ออีกจำนวนมากกว่าจำนวนคนที่เข้ามาร้องเรียน ที่ถูกกีดกันในการทำงาน ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งผ่านมูลนิธิ หรือ เครือข่ายผู้ติดเชื้อ หรือ คณะกรรมการสิทธิฯ เพื่อนำไปสู่การหารือ เจรจาให้หน่วยงานเหล่านี้มีความเข้าใจในเรื่องการใช้ชีวิตของผู้ป่วย ซึ่งสามารถทำประโยชน์เพื่อสังคมได้อีกมาก”นายนิมิตร์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น