เปิดตัว 8 ทีมหุ่นยนต์กู้ภัยผ่านรอบคัดเลือกเข้าแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยรางวัลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และเงินรางวัลนับล้านบาท เผยต่างชาติสนใจสนามประลองไทยส่งทีมเข้าร่วมด้วย 4 ประเทศ
วันนี้ (24 พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มีการแถลงข่าวเปิดตัว 8 ทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจัดโดยบริษัทเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ร่วมกับสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย และมหาวิทยาลัยมหิดล โดยนางวีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานสื่อสารองค์กรเครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ในการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยชิงแชมป์ประเทศไทย (Thailand Rescue Robot Championship) รอบคัดเลือกมีทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมด 77 ทีม จาก 49 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และมีเยาวชนที่สามารถผ่านรอบคัดเลือกมาได้ 8 ทีม และสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ ปี 2008 ถือว่ามีความพิเศษมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานถ้วยรางวัลพระราชทานแก่ผู้ชนะเลิศในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ เวลา 17.00 น. นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกของการแข่งขันในประเทศไทยที่จะมีทีมต่างชาติมาร่วมแข่งขันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วย
“จากการที่ทีมเยาวชนไทยไปแข่งขันระดับนานาชาติและสามารถคว้าแชมป์มาได้ติดต่อกัน 3 สมัย ทำให้ต่างประเทศมีความสนใจจะส่งทีมเข้าแข่งขันในครั้งนี้ด้วยกัน 6 ทีม ได้แก่ ทีมจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิหร่าน และมาเลเซีย และนับเป็นครั้งแรกที่คนไทยจะได้โชว์ความสามารถของหุ่นยนต์กู้ภัยต่างชาติ โดยปีนี้จะจัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี โดยใช้พื้นที่อาคารมินิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ โดยเปิดให้ชมฟรีวันที่ 11-14 ธ.ค.”
ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย กล่าวว่า การแข่งขันปีนี้เป็นที่น่าจับตามอง เพราะมีทีมหน้าใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกมาหลายทีม โดยเฉพาะทีมต่างจังหวัด และสำหรับทีมต่างประเทศ ทีมที่น่าจับตามองคือทีมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแชมป์ในการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น และถือว่าเป็นทีมที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเด็กไทยจะได้ประโยชน์ ในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับทีมอิหร่านหากใครได้ติดตามการแข่งขันระดับนานาชาติในปีที่ผ่านมาจะพบว่าเป็นทีมที่น่ากลัว เนื่องจากเป็นทีมที่ออกแบบหุ่นยนต์ได้เก่ง และแข็งแกร่งมาก เพราะมีการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยภายในประเทสมาแล้วกว่า 10 ปี ไม่เพียงเท่านี้ยังมีหุ่นยนต์ของประเทสอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้งานจริงในเหตุการณ์ 9 กันยายน ขณะนี้อยู่ในการเจรจาประสานงาน แต่คาดว่าจะได้รับการตอบรับ และในการแข่งขันของประเทศสหรัฐทำให้เยาวชนไทยเปิดหูเปิดตา ได้เห็นว่าหุ่นยนต์ที่สามารถใช้งานได้จริง มีวิธีการทำงานอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ 8 ทีมที่ผ่านเข้าชิงถ้วยพระราชทาน ได้แก่ 1.iRAT_PRO 2.MINI NECHA 3.INCLUDE i2 4.INVASION จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 5.SUCCESS@R9 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ 6.MEGATRON_BOT จากมหาวิทยาลัยการอาชีพเวียงสา จ.น่าน 7.BARTLAB RESCUE จากมหาวิทยาลัยมหิดล และ 8.MA-PRAO-HORM(มะพร้าวหอม) จากมหาวิทยาลัยบูรพา
สำหรับทีมชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษาจากเครือซิเมนต์ไทย 200,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทาน และทุนพัฒนาหุ่นยนต์ เพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศออสเตรีย ในปี 2552 รองชนะเลิศจะได้ทุนการศึกษา 100,000 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัล BEST MOBILITY และ BEST AUTONOMY รางวัลละ 50,000 บาท รวมทุนการศึกษาทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท โดยทั้ง 8 ทีมที่จะเข้าชิงชนะเลิศจะได้รับเงินสนับสนุนพัฒนาหุ่นยนต์ทีมละ 30,000 บาท อย่างไรก็ตาม หากทีมต่างประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้เพียงถ้วยรางวัลพระราชทาน ส่วนเงินรางวัลจะเป็นของทีมไทยที่ทำได้ดีที่สุด
วันนี้ (24 พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มีการแถลงข่าวเปิดตัว 8 ทีมที่ผ่านเข้ารอบชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจัดโดยบริษัทเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ร่วมกับสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย และมหาวิทยาลัยมหิดล โดยนางวีนัส อัศวสิทธิถาวร ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานสื่อสารองค์กรเครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ในการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยชิงแชมป์ประเทศไทย (Thailand Rescue Robot Championship) รอบคัดเลือกมีทีมที่เข้าแข่งขันทั้งหมด 77 ทีม จาก 49 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และมีเยาวชนที่สามารถผ่านรอบคัดเลือกมาได้ 8 ทีม และสำหรับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ ปี 2008 ถือว่ามีความพิเศษมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานถ้วยรางวัลพระราชทานแก่ผู้ชนะเลิศในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ เวลา 17.00 น. นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกของการแข่งขันในประเทศไทยที่จะมีทีมต่างชาติมาร่วมแข่งขันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วย
“จากการที่ทีมเยาวชนไทยไปแข่งขันระดับนานาชาติและสามารถคว้าแชมป์มาได้ติดต่อกัน 3 สมัย ทำให้ต่างประเทศมีความสนใจจะส่งทีมเข้าแข่งขันในครั้งนี้ด้วยกัน 6 ทีม ได้แก่ ทีมจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิหร่าน และมาเลเซีย และนับเป็นครั้งแรกที่คนไทยจะได้โชว์ความสามารถของหุ่นยนต์กู้ภัยต่างชาติ โดยปีนี้จะจัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี โดยใช้พื้นที่อาคารมินิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ โดยเปิดให้ชมฟรีวันที่ 11-14 ธ.ค.”
ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย กล่าวว่า การแข่งขันปีนี้เป็นที่น่าจับตามอง เพราะมีทีมหน้าใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกมาหลายทีม โดยเฉพาะทีมต่างจังหวัด และสำหรับทีมต่างประเทศ ทีมที่น่าจับตามองคือทีมของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแชมป์ในการแข่งขันในประเทศญี่ปุ่น และถือว่าเป็นทีมที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเด็กไทยจะได้ประโยชน์ ในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับทีมอิหร่านหากใครได้ติดตามการแข่งขันระดับนานาชาติในปีที่ผ่านมาจะพบว่าเป็นทีมที่น่ากลัว เนื่องจากเป็นทีมที่ออกแบบหุ่นยนต์ได้เก่ง และแข็งแกร่งมาก เพราะมีการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยภายในประเทสมาแล้วกว่า 10 ปี ไม่เพียงเท่านี้ยังมีหุ่นยนต์ของประเทสอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้งานจริงในเหตุการณ์ 9 กันยายน ขณะนี้อยู่ในการเจรจาประสานงาน แต่คาดว่าจะได้รับการตอบรับ และในการแข่งขันของประเทศสหรัฐทำให้เยาวชนไทยเปิดหูเปิดตา ได้เห็นว่าหุ่นยนต์ที่สามารถใช้งานได้จริง มีวิธีการทำงานอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ 8 ทีมที่ผ่านเข้าชิงถ้วยพระราชทาน ได้แก่ 1.iRAT_PRO 2.MINI NECHA 3.INCLUDE i2 4.INVASION จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 5.SUCCESS@R9 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ 6.MEGATRON_BOT จากมหาวิทยาลัยการอาชีพเวียงสา จ.น่าน 7.BARTLAB RESCUE จากมหาวิทยาลัยมหิดล และ 8.MA-PRAO-HORM(มะพร้าวหอม) จากมหาวิทยาลัยบูรพา
สำหรับทีมชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษาจากเครือซิเมนต์ไทย 200,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทาน และทุนพัฒนาหุ่นยนต์ เพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับโลกที่ประเทศออสเตรีย ในปี 2552 รองชนะเลิศจะได้ทุนการศึกษา 100,000 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัล BEST MOBILITY และ BEST AUTONOMY รางวัลละ 50,000 บาท รวมทุนการศึกษาทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท โดยทั้ง 8 ทีมที่จะเข้าชิงชนะเลิศจะได้รับเงินสนับสนุนพัฒนาหุ่นยนต์ทีมละ 30,000 บาท อย่างไรก็ตาม หากทีมต่างประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้เพียงถ้วยรางวัลพระราชทาน ส่วนเงินรางวัลจะเป็นของทีมไทยที่ทำได้ดีที่สุด
