กทม.เพิ่มเก้าอี้นักเรียน ม.1 ปีการศึกษา 2552 อีก 4,000 ที่ พร้อมจัดสรรคอมพิวเตอร์เกือบ 30,000 เครื่องให้เพียงพอต่อความต้องการของนักเรียน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายด้านการศึกษา ในงานผู้ว่าฯ กทม.ออนไลน์ พบผู้บริหารโรงเรียน ครู เด็กนักเรียน และผู้ปกครอง ของโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้ง 435 โรงเรียนว่า นโยบายของการพัฒนาด้านการศึกษาของนักเรียนในสังกัด กทม.นั้น นอกจากจะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการแล้ว กทม.ยังได้ดึงการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ผู้ปกครอง ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการสอน อาทิ ในหลักสูตรกรุงเทพศึกษา, ในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมไม่ให้สถานบันเทิง แหล่งอบายมุข ร้านเกม เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน นักเรียน โดย กทม.จะเป็นเจ้าภาพประสานไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่ รวมไปถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้อำนวยการเขต ผู้บริหารของโรงเรียนให้หาแนวทางจัดระเบียบสถานบันเทิง ร้านเกมที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษา ไม่ให้กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กนักเรียน อาทิ เน้นทำกิจกรรม รณรงค์ กระตุ้นเตือนสำนึกของผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการจำกัดพื้นที่ไม่ให้เด็กนักเรียน หรือเยาวชน เข้ามามั่วสุมในเวลาเรียน
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ส่วนการพัฒนาด้านการเรียนการสอน ตนจะให้โรงเรียนในสังกัด กทม. ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงเข้ามามีส่วนร่วม คือ ใน พ.ศ.2552 นั้นจะจัดสรรเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม อีกจำนวน 27,500 เครื่อง เพื่อให้เพียงพอต่อการเรียนของนักเรียน ทั้งนี้ ในการมอบนโยบายออนไลน์นั้น ทางผู้ปกครองได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องอาคารเรียนที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน การจัดระเบียบสถานบันเทิงใกล้สถานศึกษา เป็นต้น
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า ในปีการศึกษา 2552 นั้น โรงเรียนในสังกัด กทม.จะเปิดรับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพิ่มอีก 4,000 คน จากเดิมที่เปิดรับเพียง 10,000 คน ซึ่งโรงเรียนสังกัด กทม.จะเปิดรับนักเรียนทุกคนที่ประสงค์อยากจะเรียน ทั้งนี้ คาดด้วยว่าการเปิดรับจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นนั้นไม่มีจะไม่มีปัญหาเรื่องอุปกรณ์การเรียนไม่พร้อม จำนวนอาคารเรียน บุคลากรไม่เพียงพอ เพราะในปีงบประมาณ 2552 นั้น สำนักการศึกษามีแผนรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายด้านการศึกษา ในงานผู้ว่าฯ กทม.ออนไลน์ พบผู้บริหารโรงเรียน ครู เด็กนักเรียน และผู้ปกครอง ของโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้ง 435 โรงเรียนว่า นโยบายของการพัฒนาด้านการศึกษาของนักเรียนในสังกัด กทม.นั้น นอกจากจะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการแล้ว กทม.ยังได้ดึงการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ผู้ปกครอง ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการสอน อาทิ ในหลักสูตรกรุงเทพศึกษา, ในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมไม่ให้สถานบันเทิง แหล่งอบายมุข ร้านเกม เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน นักเรียน โดย กทม.จะเป็นเจ้าภาพประสานไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่ รวมไปถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้อำนวยการเขต ผู้บริหารของโรงเรียนให้หาแนวทางจัดระเบียบสถานบันเทิง ร้านเกมที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษา ไม่ให้กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กนักเรียน อาทิ เน้นทำกิจกรรม รณรงค์ กระตุ้นเตือนสำนึกของผู้ประกอบการให้ความร่วมมือในการจำกัดพื้นที่ไม่ให้เด็กนักเรียน หรือเยาวชน เข้ามามั่วสุมในเวลาเรียน
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ส่วนการพัฒนาด้านการเรียนการสอน ตนจะให้โรงเรียนในสังกัด กทม. ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงเข้ามามีส่วนร่วม คือ ใน พ.ศ.2552 นั้นจะจัดสรรเครื่องคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม อีกจำนวน 27,500 เครื่อง เพื่อให้เพียงพอต่อการเรียนของนักเรียน ทั้งนี้ ในการมอบนโยบายออนไลน์นั้น ทางผู้ปกครองได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องอาคารเรียนที่มีไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน การจัดระเบียบสถานบันเทิงใกล้สถานศึกษา เป็นต้น
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า ในปีการศึกษา 2552 นั้น โรงเรียนในสังกัด กทม.จะเปิดรับนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เพิ่มอีก 4,000 คน จากเดิมที่เปิดรับเพียง 10,000 คน ซึ่งโรงเรียนสังกัด กทม.จะเปิดรับนักเรียนทุกคนที่ประสงค์อยากจะเรียน ทั้งนี้ คาดด้วยว่าการเปิดรับจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นนั้นไม่มีจะไม่มีปัญหาเรื่องอุปกรณ์การเรียนไม่พร้อม จำนวนอาคารเรียน บุคลากรไม่เพียงพอ เพราะในปีงบประมาณ 2552 นั้น สำนักการศึกษามีแผนรองรับไว้ทั้งหมดแล้ว
