xs
xsm
sm
md
lg

กรมอนามัยตั้งศูนย์ 3 วัยสนองพระราชดำริ “พระบรมฯ” ชี้สานสายใยครอบครัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมอนามัย ตั้งศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว สนองพระราชดำริของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้มีศูนย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เน้นความต่อเนื่องเชื่อมโยงของคน 3 วัยในครอบครัว

วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม “เริ่มต้นด้วยนมแม่ ก้าวสู่ศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว” ว่า กรมอนามัยได้ดำเนินงานสนองพระปณิธานของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ภายใต้โครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมตนเอง และสร้างสถาบันครอบครัวในทุกครัวเรือนให้อบอุ่น สร้างครอบครัวคนรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพ ส่งผลให้มีโรงพยาบาลที่ผ่านการรับรองเป็นโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวระดับทองแล้วจำนวน 186 แห่ง ประกอบกับพระราชดำริของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่เห็นควรให้มีศูนย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เน้นความต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นวงจรของทุกช่วงวัย

โดยกรมอนามัยได้ดำเนินการโครงการศูนย์ 3 วัยสานสายใยรักแห่งครอบครัวขึ้น โดยมีเป้าหมาย คือ สถานีอนามัยที่ตั้งในชุมชนระดับตำบล จำนวน 9,760 แห่ง และโรงพยาบาลทุกระดับที่ตั้งอยู่ในชุมชนระดับอำเภอ หรือจังหวัด จำนวน 970 แห่ง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงวัยสูงอายุ เป็นวงจรต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน และเป็นจุดศูนย์รวมของคน 3 วัยในครอบครัว ได้แก่ พ่อแม่ ลูก ปู่ย่า ตายาย ได้มาใช้บริการสาธารณสุขตามกลุ่มวัยหรือใช้บริการเชิงสังคม เช่น ออกกำลังกาย หรือสันทนาการต่างๆ ให้มีความเหมาะสมเชื่อมโยงเป็นวงจรของทุกช่วงวัย สามารถเข้าถึงง่ายและมีความยั่งยืน ซึ่งขณะนี้มีการจัดตั้งศูนย์ 3 วัยสานสายใยรักแห่งครอบครัวในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร แล้วจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ สถานีอนามัยสะพัง และโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช

“งานอนามัยแม่และเด็กนับเป็นบริการสุขภาพพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาคุณภาพประชากร ซึ่งเริ่มตั้งแต่การดูแลครรภ์เพื่อให้การตั้งครรภ์ และการคลอดมีคุณภาพ มารดาและทารกปลอดภัย ปราศจากภาวะแทรกซ้อน และมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ต่อเนื่องถึงการดูแลเด็กช่วงปฐมวัย เพื่อให้เด็กเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัยอย่างองค์รวม มีสุขภาวะทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่มีผลต่อสุขภาพเด็กไทยเป็นสิ่งที่กรมอนามัยจะต้องเร่งดำเนินการอย่างเข้มแข็งต่อไป” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้จากการศึกษาระดับสติปัญญาเด็กไทยพบว่า มีแนวโน้มลดลง โดยในปี พ.ศ. 2540 เด็กไทยมีไอคิวเฉลี่ย 91 จุด ในปี พ.ศ.2545 ไอคิวเด็กไทยเฉลี่ย 88 จุด น้อยกว่าค่าปกติ คือ 91-110 จุด ส่วนพัฒนาการเด็กไทยก็พบว่ามีแนวโน้มลดลงด้วยเช่นกัน เพราะข้อมูลปี พ.ศ. 2547 เด็กไทยมีพัฒนาการสมวัย ร้อยละ 72 แต่ในปี พ.ศ. 2550 ลดลงเหลือร้อยละ 67.5 และถึงแม้ว่าข้อมูลการศึกษาจะยืนยันว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน จะมีระดับสติปัญญาสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ถึง 2-11 จุด แต่จากการศึกษาอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) พ.ศ.2548 พบว่า ประเทศไทยมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพียงร้อยละ 5.4 ต่ำเป็นลำดับที่ 3 ก่อนสุดท้ายของโลก ในขณะที่สาธารณรัฐเกาหลีมีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ร้อยละ 65 กัมพูชา ร้อยละ 60 สาธารณรัฐประชาชนจีน ร้อยละ 48 ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 34 ติมอร์ ร้อยละ 31 และเวียดนาม ร้อยละ 19
กำลังโหลดความคิดเห็น