“วรากรณ์” เสนอรัฐบาลร่วมแก้กฎหมายกทม.ผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ แนะแก้ 3 ส่วน อิสระ-มีส่วนร่วม-รับฟังเสียงสะท้อน
นายวรากรณ์ สามโกเศศ ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.เตรียมที่จะแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ว่า ตนเห็นด้วยที่ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากว่ากฎหมายดังกล่าวมีความล้าหลังไม่เหมาะสมกับการบริหารของ กทม.ในปัจจุบัน รวมไปถึงไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่ามีอยู่ 3 ประเด็นที่ต้องแก้ไข คือ 1.ความมีอิสระในการบริหารงาน การทำงานของผู้บริหาร กทม.ที่ปัจจุบันยังขาดความคล่องตัว 2.การมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ประชาชน หรือบุคคลที่มีส่วนได้เสียกับโครงการร่วมแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ในโครงการต่างๆ และ 3.ต้องเปิดพื้นที่ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน ในการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วย
นายวรากรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนรูปแบบเบื้องต้นนั้น ตนมองว่า จะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด และรัฐบาลควรที่จะการสนับสนุน ประกาศเรื่องแก้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ เนื่องจากว่า กทม.ถือว่าเป็นเมืองหลวง เป็นหน้าตาของประเทศ การแก้ไขกฎหมายที่สำคัญจึงจำเป็นต้องให้คนทั้งประเทศเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนกรณีที่ทางสมาชิกสภา กทม.เสนอแนวคิดให้ปรับโครงสร้าง กทม.เป็นแบบเทศบาลนคร จำนวน 10 โซน เพื่อกระจายอำนาจนั้น ตนมองว่า เป็นแนวคิดหนึ่งจะต้องนำมาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้คงไม่สามารถสรุปรูปแบบการแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้
นายวรากรณ์ สามโกเศศ ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.เตรียมที่จะแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ว่า ตนเห็นด้วยที่ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากว่ากฎหมายดังกล่าวมีความล้าหลังไม่เหมาะสมกับการบริหารของ กทม.ในปัจจุบัน รวมไปถึงไม่สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่ามีอยู่ 3 ประเด็นที่ต้องแก้ไข คือ 1.ความมีอิสระในการบริหารงาน การทำงานของผู้บริหาร กทม.ที่ปัจจุบันยังขาดความคล่องตัว 2.การมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ประชาชน หรือบุคคลที่มีส่วนได้เสียกับโครงการร่วมแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ในโครงการต่างๆ และ 3.ต้องเปิดพื้นที่ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน ในการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วย
นายวรากรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนรูปแบบเบื้องต้นนั้น ตนมองว่า จะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด และรัฐบาลควรที่จะการสนับสนุน ประกาศเรื่องแก้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ เนื่องจากว่า กทม.ถือว่าเป็นเมืองหลวง เป็นหน้าตาของประเทศ การแก้ไขกฎหมายที่สำคัญจึงจำเป็นต้องให้คนทั้งประเทศเข้ามามีส่วนร่วม ส่วนกรณีที่ทางสมาชิกสภา กทม.เสนอแนวคิดให้ปรับโครงสร้าง กทม.เป็นแบบเทศบาลนคร จำนวน 10 โซน เพื่อกระจายอำนาจนั้น ตนมองว่า เป็นแนวคิดหนึ่งจะต้องนำมาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้คงไม่สามารถสรุปรูปแบบการแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้