ยอมรับว่า น้ำตาไหลมาปริ่มตา เมื่อเห็นภาพชายผู้พิการแขนขาดจากการถูกระเบิดที่ขว้างจากตำรวจไทยที่เข้าสลายการชุมนุมโดยสันติของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วน้ำตาต้องไหลออกมาเมื่อได้ยินชายผู้นั้นพูดว่า “ถึงแขนผมขาด แต่ใจผมไม่ขลาด เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ผมยอมเสียได้แม้แขนอีกข้าง”
เขาเป็นชายผู้หนึ่งซึ่งเช้าวันนั้นตื่นขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมชุมนุมแสดงความเห็นตามระบอบประชาธิปไตยแบบอหิงสา แต่ในเย็นวันเดียวกันเขากลับต้องสูญเสียแขนไป ภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ถึงแม้กายพิการ แต่ใจเขากลับไม่พิการเหมือนคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งทำร้ายเขา
ยิ่งเศร้าใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่ามีผู้หญิงอีกผู้หนึ่งที่เสียชีวิต อีกทั้งยังมีผู้พิการขาขาดอีก 4 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 300 คนในเหตุการณ์เดียวกัน
แม้นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งการให้ใช้ความรุนแรง แต่เป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจจะกล้าทำรุนแรงเยี่ยงนี้โดยไม่มีคำสั่งจากผู้บริหารสูงสุดของประเทศ
การประกาศก่อนหน้านั้น ว่า คณะรัฐมนตรี ยืนยันจะเข้าไปยังรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายอย่างแน่นอน และการเพิกเฉยของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้สั่งการให้ตำรวจหยุดใช้ความรุนแรง หรือสอบสวนผู้ใช้ความรุนแรง เป็นหลักฐานที่ตอกย้ำว่าเป็นการสั่งการของนายกรัฐมนตรีได้อย่างชัดเจน และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาอย่างเดียวเพราะแก๊สน้ำตาย่อมไม่สามารถทำให้แขนขาด ขาขาด จนถึงเสียชีวิตได้
ในฐานะของแพทย์ชนบท ที่เคยเจอความเลวร้ายของข้าราชการที่ต้องการตำแหน่งสูงขึ้นโดยยอมก้มหัวรับใช้นักการเมืองในการฉ้อฉลงบประมาณอย่างกรณีทุจริตยา คงเลวร้ายไม่เทียบเท่าหนึ่งในล้านของข้าราชการตำรวจที่ยอมศิโรราบกับคำสั่งของรัฐบาลที่ให้ใช้อาวุธสงครามกับประชาชนที่มาชุมนุมโดยสันติ
พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้สำหรับความเลวร้ายที่ทำร้ายผู้ชุมนุมราวกับว่าไม่ใช่คนชาติเดียวกัน เป็นเพียงเพราะให้ถูกจารึกว่าท่านเคยดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของข้าราชการตำรวจเท่านั้นหรือ ที่ทำให้ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยอมทำสิ่งเลวร้ายได้เพียงนี้ แต่อีก 20 ปีข้างหน้าเมื่อดินกลบหน้า สังคมจะไม่จารึกว่า พลตำรวจเอก พัชรวาท เคยเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะจารึกว่า นายพัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผู้สั่งการให้ทำร้ายประชาชนที่ไม่มีอาวุธจนเสียชีวิตและพิการหลายคน และจะจารึกต่อไปอีกหลาย 100 ปี คุ้มแล้วหรือสำหรับข้าราชการที่หวังตำแหน่งโดยยอมขายวิญญาณให้กับความเลวร้ายเช่นนี้
สำหรับรัฐบาล การแถลงนโยบายนั้น แท้จริงแล้วมีวัตถุประสงค์เพื่อบอกประชาชนผ่านผู้แทนราษฎรว่าคณะรัฐบาลจะทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างไร แต่การแถลงนโยบายด้วยวาจาที่สวยหรูปานใด คงไม่มีความสำคัญเท่ากับการแถลงนโยบายด้วยการกระทำ ที่รัฐบาลทำราวกับต้องการประกาศให้คนไทยทั้งประเทศและทั้งโลกรู้ว่ารัฐบาลจะยังคงใช้ความรุนแรงเพื่อทำร้ายและทำลายประชาชนต่อไป ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลอยู่
แม้จะไม่อาจคาดหวังความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากรัฐบาลชุดนี้ แต่การใช้อาวุธสงครามกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ เท่ากับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้หมดความชอบธรรมสำหรับการเป็นผู้นำของประเทศในความรู้สึกของคนไทยไปโดยปริยาย
การครอบครองอำนาจรัฐต่อไปก็เพียงเป็นแต่ในนามเท่านั้นเอง
ตื่นเถิดประชาชนรากหญ้าชาวชนบทที่สนับสนุนรัฐบาลนี้ เพราะนี่เป็นหลักฐานอันสำคัญว่ารัฐบาลนี้เลวร้ายและโหดร้ายเพียงใด
ตื่นเถิดตำรวจไทย อย่ายินยอมทำตามคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม ด้วยการเข้ามาปกป้องประชาชน ให้สมกับชื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์...ผู้ดูแลประชาชนที่อยู่โดยสันติ
ตื่นเถิดผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ...ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พร้อมจะแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการลาออก
ตื่นเถิดประชาชนชาวไทยทุกคน อย่าสยบยอมกับอำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรม เพื่อจะตอบผู้ที่เสียแขนขาและเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ว่า “ใจเราก็ไม่ขลาดเช่นกัน”
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์
เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบท
เขาเป็นชายผู้หนึ่งซึ่งเช้าวันนั้นตื่นขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมชุมนุมแสดงความเห็นตามระบอบประชาธิปไตยแบบอหิงสา แต่ในเย็นวันเดียวกันเขากลับต้องสูญเสียแขนไป ภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ถึงแม้กายพิการ แต่ใจเขากลับไม่พิการเหมือนคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งทำร้ายเขา
ยิ่งเศร้าใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่ามีผู้หญิงอีกผู้หนึ่งที่เสียชีวิต อีกทั้งยังมีผู้พิการขาขาดอีก 4 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 300 คนในเหตุการณ์เดียวกัน
แม้นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งการให้ใช้ความรุนแรง แต่เป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจจะกล้าทำรุนแรงเยี่ยงนี้โดยไม่มีคำสั่งจากผู้บริหารสูงสุดของประเทศ
การประกาศก่อนหน้านั้น ว่า คณะรัฐมนตรี ยืนยันจะเข้าไปยังรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายอย่างแน่นอน และการเพิกเฉยของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้สั่งการให้ตำรวจหยุดใช้ความรุนแรง หรือสอบสวนผู้ใช้ความรุนแรง เป็นหลักฐานที่ตอกย้ำว่าเป็นการสั่งการของนายกรัฐมนตรีได้อย่างชัดเจน และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตาอย่างเดียวเพราะแก๊สน้ำตาย่อมไม่สามารถทำให้แขนขาด ขาขาด จนถึงเสียชีวิตได้
ในฐานะของแพทย์ชนบท ที่เคยเจอความเลวร้ายของข้าราชการที่ต้องการตำแหน่งสูงขึ้นโดยยอมก้มหัวรับใช้นักการเมืองในการฉ้อฉลงบประมาณอย่างกรณีทุจริตยา คงเลวร้ายไม่เทียบเท่าหนึ่งในล้านของข้าราชการตำรวจที่ยอมศิโรราบกับคำสั่งของรัฐบาลที่ให้ใช้อาวุธสงครามกับประชาชนที่มาชุมนุมโดยสันติ
พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้สำหรับความเลวร้ายที่ทำร้ายผู้ชุมนุมราวกับว่าไม่ใช่คนชาติเดียวกัน เป็นเพียงเพราะให้ถูกจารึกว่าท่านเคยดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของข้าราชการตำรวจเท่านั้นหรือ ที่ทำให้ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยอมทำสิ่งเลวร้ายได้เพียงนี้ แต่อีก 20 ปีข้างหน้าเมื่อดินกลบหน้า สังคมจะไม่จารึกว่า พลตำรวจเอก พัชรวาท เคยเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะจารึกว่า นายพัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผู้สั่งการให้ทำร้ายประชาชนที่ไม่มีอาวุธจนเสียชีวิตและพิการหลายคน และจะจารึกต่อไปอีกหลาย 100 ปี คุ้มแล้วหรือสำหรับข้าราชการที่หวังตำแหน่งโดยยอมขายวิญญาณให้กับความเลวร้ายเช่นนี้
สำหรับรัฐบาล การแถลงนโยบายนั้น แท้จริงแล้วมีวัตถุประสงค์เพื่อบอกประชาชนผ่านผู้แทนราษฎรว่าคณะรัฐบาลจะทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างไร แต่การแถลงนโยบายด้วยวาจาที่สวยหรูปานใด คงไม่มีความสำคัญเท่ากับการแถลงนโยบายด้วยการกระทำ ที่รัฐบาลทำราวกับต้องการประกาศให้คนไทยทั้งประเทศและทั้งโลกรู้ว่ารัฐบาลจะยังคงใช้ความรุนแรงเพื่อทำร้ายและทำลายประชาชนต่อไป ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลอยู่
แม้จะไม่อาจคาดหวังความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากรัฐบาลชุดนี้ แต่การใช้อาวุธสงครามกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ เท่ากับรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้หมดความชอบธรรมสำหรับการเป็นผู้นำของประเทศในความรู้สึกของคนไทยไปโดยปริยาย
การครอบครองอำนาจรัฐต่อไปก็เพียงเป็นแต่ในนามเท่านั้นเอง
ตื่นเถิดประชาชนรากหญ้าชาวชนบทที่สนับสนุนรัฐบาลนี้ เพราะนี่เป็นหลักฐานอันสำคัญว่ารัฐบาลนี้เลวร้ายและโหดร้ายเพียงใด
ตื่นเถิดตำรวจไทย อย่ายินยอมทำตามคำสั่งที่ไม่ชอบธรรม ด้วยการเข้ามาปกป้องประชาชน ให้สมกับชื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์...ผู้ดูแลประชาชนที่อยู่โดยสันติ
ตื่นเถิดผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ...ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พร้อมจะแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการลาออก
ตื่นเถิดประชาชนชาวไทยทุกคน อย่าสยบยอมกับอำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรม เพื่อจะตอบผู้ที่เสียแขนขาและเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ว่า “ใจเราก็ไม่ขลาดเช่นกัน”
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์
เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบท