xs
xsm
sm
md
lg

“ชูวิทย์” เย้ยรัฐบาล “หมัก” ปกครองประเทศไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ชูวิทย์” จวกรัฐบาล “หมัก” ปกครองประเทศไม่ได้ เปิด 2 สภาแค่เล่นละคร มั่นใจสู้ “หล่อเล็ก” ได้ ด้านกองเชียร์คนวันเสาร์ฯ ไร้กาละเทศะ ตะโกนด่า “อภิรักษ์-อภิสิทธิ์” พวกพันธมาร ส่วน “ลีน่า จัง” อาสาเป็นผู้ว่าฯ สีขาว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่นายอภิรักษ์ และนายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมาพบปะกับบรรดากองเชียร์ที่อยู่บริเวณลานคนเมือง กลุ่มผู้สนับสนุนของ นายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ที่ลงสมัครในนามอิสระ ได้ตะโกนด่านายอภิสิทธิ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อาทิ “พวกพันธมาร” “เราไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์”

ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ ได้เดินทางมาลงสมัครเมื่อเวลา 07.50 น. โดยมีผู้ติดตามมาเพียง 2 คน ซึ่งนายชูวิทย์ระบุว่าการที่นำคนมาจำนวนน้อยถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ของตน ทั้งนี้ ตนไม่อยากนำกองเชียร์มาจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าไม่เหมาะสมกับกาลเทศะที่ตอนนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหา การจะนำกองเชียร์ คณะสิงโตมาแห่เชิดนั้นไม่ดี ส่วนการเปิดอภิปรายของทั้ง 2 สภาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนมองว่าสภาถูกใช้เป็นเวทีเพื่อให้นักการเมืองเล่นละครเท่านั้น ทั้งนี้ ตนมองว่ารัฐบาลทำงานได้ แต่ไม่สามารถปกครองประเทศได้ พรรคร่วมรัฐบาลก็เหมือนตุ๊กแกเกาะฝาโลง ส่วนพรรคฝ่ายค้านต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ซึ่งการเข้ามาสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้นจะเน้นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เฉพาะปัญหาของคน กทม. เท่านั้น แต่จะรวมไปถึงระดับประเทศด้วย ส่วนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนมั่นใจว่าจะสามารถสู้กับนายอภิรักษ์ ได้ ทั้งนี้ หากตนได้รับเลือกตั้งตนจะรณรงค์ให้คนกรุงเทพฯรักกัน และจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจน

ต่อมาเวลา 08.55 น. นายวิทยา จังกอบพัฒนา ได้เดินทางมาลงสมัครในนามอิสระ ซึ่งได้หมายเลข 9

นายพงศ์ศักติฐ์ ให้สัมภาษณ์ภาพรวมในช่วงเช้าว่า เป็นที่พอใจในระดับที่ดี ไม่มีเรื่องของการทะเลาะวุ่นวาย ซึ่งเหตุการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แต่อย่างใด ส่วนในการจับตาดูผู้สมัครที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งนั้น เชื่อว่าจะมีความรอบคอบ และถี่ถ้วน เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกภาคส่วน

ส่วนนายเกรียงศักดิ์ เปิดเผยภายหลังได้หมายเลข 2 ว่า เบอร์ 2 เป็นเบอร์แห่งชัยชนะ ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะทำงานสุดชีวิตจิตใจ โดยขณะนี้นโยบายในการหาเสียงได้วางไว้พร้อมหมดแล้ว คือ 10 นโยบายใหญ่ 300 นโยบายหลัก เช่น ทำให้ กทม.เป็นมหานคร WI-MAX โดยคน กทม.จะได้ใช้อินเตอร์เน็ตราคาถูก และเร็วกว่า Green Bangkok Wi Fi ของ กทม.150 เท่า ครอบคลุม และทั่วถึง รถเมล์ศูนย์บาท ตั้งธนาคารอาชีพ วาระให้ผู้หญิงปลอดภัยด้วยการติดตั้งกล้อง CCTV ตั้งศูนย์รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ตามจุดล่อแหลม ปราบหนู แมลงสาบ เพราะขณะนี้ขยายพันธุ์ในเมืองมากขึ้น โดยทั้งหมดจะพลิกโฉมให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ มีมาตรฐานสูงอย่างยั่งยืน ซึ่งตนได้บัญญัติศัพท์ใหม่ที่ว่า “ปฏิวัฒน์” หมายถึงการสร้างใหม่ แบบถอนรากถอนโคน อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวลเรื่องคะแนนเสียงจากผลโพลที่ออกมาในช่วงนี้ซึ่งระบุว่าอยู่ในลำดับท้ายๆ เพราะได้ลงพื้นที่มาตลอด 10 เดือน ครอบคลุมทั้ง 50 เขต นอกจากนี้เชื่อว่าผลโพลยังไม่สามารถวัดอะไรได้ในขณะนี้ต้องรอให้ถึงช่วงใกล้เลือกตั้งก่อนจึงจะชัดเจน ทั้งนี้ หากตนได้รับเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ตนจะเข้ามาสานงานของนายอภิรักษ์ ต่อซึ่งนโยบายไหนเป็นนโยบายที่ดีก็จะเดินหน้า ส่วนโครงการไหนที่ยังดำเนินการไม่ได้ก็จะนำมาปรับปรุง

ด้าน นายอภิรักษ์ กล่าวภายหลังจับได้หมายเลข 5 ว่า การได้หมายเลข 5 เป็นเลขที่ตรงกับนโยบาย 5 ด้าน ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาคนกรุงเทพฯ โดยสโลแกนในการหาเสียง คือ “ให้ประชาชนร่วมสร้างอนาคตกรุงเทพฯ” ส่วนเรื่องการโจมตีจากคู่แข่งในประเด็นต่างๆ ไม่กลัวและพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง

นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบาย 5 ด้าน ที่จะแก้ปัญหากรุงเทพฯ คือ 1.เรื่องการแก้ปัญหาจราจร โดยใช้ระบบขนส่งมวลชน ที่ไม่ใช่รถไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เพราะใช้เวลานานหลายปี แต่เราจะรณรงค์วินัยจราจร การหาทางเลือกใหม่ๆ การเชื่อมโยงระบบต่างๆ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนใช้รถน้อยลงกว่าเดิม การขับขี่จักรยาน เป็นต้น 2.นโยบายการพัฒนาการศึกษา 3.นโยบายด้านคุณภาพชีวิต เด็กและเยาวชน สตรี และผู้สูงอายุและผู้พิการ 4.นโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่เคยผลักดันให้กทม.ได้รับการโหวดให้เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลกมาแล้ว และ 5.นโยบายการบริหารจัดการน้ำ ที่จะร่วมกับพื้นที่ชุมชนที่อยู่ติดกับชายฝั่งทะเล และตามจังหวัดใกล้เคียง และผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่

จากนั้น นายอภิรักษ์ และคณะได้เดินทางไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดสุทัศนฯ ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว และพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 จากนั้นลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่สีลม

ขณะที่ นางลีน่า จัง กล่าวภายหลังจับได้หมายเลข 7 ว่า เบอร์อะไรก็ไม่สำคัญเพราะคนกรุงเทพฯ เป็นคนฉลาด ทั้งนี้ตนอยากให้คนกรุงเทพฯ ให้โอกาสผู้หญิงเป็นผู้ว่าฯ กทม.โดนตนจะเป็นผู้ว่าฯ สีขาว แต่หากเป็นผู้ชายจะเป็นผู้ว่าฯ สีเทา และหลังจากนี้ตนจะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระแก้ว และเดินทางพบประชาชนย่านท่าพระจันทร์

ด้าน นายชูวิทย์ กล่าวภายหลังจับได้หมายเลข 8 ว่า หมายเลข 8 ตรงกับภาษาจีนว่า โป๊ย ซึ่งหมายถึงโป๊ยเซียนเทพ 8 องค์ ทั้งนี้ หลังจากที่จับหมายเลขเสร็จแล้วตนจะไปแถลงนโยบายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะนั่งรถตุ๊กตุ๊กไป อยากให้ติดตามด้วยว่าหลังจากที่ตนวางค้อนแล้วจะถืออะไรต่อ ซึ่งสิ่งที่ตนจะถือต่อไปจะเป็นสิ่งที่สะท้อนการแก้ไขปัญหา กทม. ส่วนการหาเสียงนั้นจะเน้นลงพื้นที่ที่มีปัญหา เช่น โบ๊เบ๊ การเคหะ แฟลตดินแดง
กำลังโหลดความคิดเห็น