xs
xsm
sm
md
lg

ลงแขกสร้าง “บ้านดิน” มือเลอะแต่ใจไม่เลอะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ย่ำดินเหนียวผสมแกลบสำหรับเชื่อมอิฐและฉาบ
แดดอ่อนแรงเต็มที...

กลุ่มคนที่เพิ่งจะเพิ่มพลังด้วยถั่วเขียวต้มน้ำตาล กำลังทำงานด้วยหัวใจร่มและเย็นสบายคล้ายสายลมที่กำลังพัดผ่าน บ้างยกอิฐดินสีแดงวางซ้อนทับกันให้สูงชั้นแล้วชั้นเล่า บ้างใช้เท้าย่ำดินเหนียวให้เข้ากับแกลบในบ่อข้างๆ และอีกบ้างที่ใช้มือป้ายดินและฉาบก้อนอิฐที่เทินสูงขึ้นไป

พวกเขาเป็นหนุ่มสาวที่มาจากทั่วทุกถิ่น ส่วนใหญ่ทำงานแล้ว โดยหนึ่งวันก่อนหน้า เขาเหล่านี้เดินทางด้วยจิตตั้งใจที่หาญมุ่งมาร่วมสร้างบุญผ่านกุฏิดินที่กลุ่มบ้านดินไทยประกาศรับอาสาสมัคร

จุดหมายปลายทางของของพวกเขาอยู่ที่วัดป่ามหาวัน ภูเขาหลง จ.ชัยภูมิ วัดที่เชื่อมต่อกับชุมชนด้วยทางดินแดงกว่า 15 กม.วัดที่มีพื้นที่ป่าทั้งที่สมบูรณ์และเสื่อมโทรม

....และอีกไม่กี่ชั่วโมงจากนี้ วัดแห่งนี้จะรองรับผู้ปฏิบัติธรรมได้อีกจากกุฏิดินอีก 2 หลัง จากเดิมที่มีกุฏิดินอยู่แล้ว 11 หลัง

สุรัช สะราคำ หรือพี่โย หัวเรี่ยวหัวแรงและตัวตั้งตัวตีก่อตั้งอาสาบ้านดินไทย ที่ใช้เวลากว่า 5 ปีศึกษาเรื่องบ้านดิน และทุ่มเวลา 2 ปีหลังกับกิจกรรมอาสาบ้านดินเพื่อเชื่อมต่อชุมชนชนบทกับชนชั้นกลางในสังคมเมืองให้เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น บอกว่า บ้านดินทำไม่ยาก ไม่แพง แต่จะสำเร็จไม่ได้หากขาดแรงงานจำนวนมาก

ดังนั้น การลงแขกจึงเป็นหนทางให้ก่อกำเนิดอาสาสมัครรับสร้างบ้านดินขึ้น โดยในระยะเริ่มต้นได้ดึงเพื่อนและรุ่นน้องที่เคยทำงานด้านสาธารณประโยชน์มารวมตัวกันร่วมเผยแพร่แนวคิดการพึ่งตนเองให้คนทั่วไปที่อยากมีบ้านดินเป็นของตนเองก่อน จากนั้นจึงเริ่มมองว่าหากสามารถสร้างบ้านดินให้กับคนไร้บ้านได้จะช่วยให้เขาเหล่านั้นมีที่พำนักเป็นหลักแหล่งและยังเป็นการทำบุญอีกทางหนึ่งด้วย
เหล่าอาสาสร้างที่ช่วยกันสร้างกุฏิดินคนละไม้ละมือ
“ผมว่าแนวคิดของบ้านดินไทยกับความเป็นอยู่ในสังคมไทยมันเข้ากัน 2 ปีที่ผ่านมาเริ่มสร้างบ้านดินให้คนไร้บ้าน และตอนนี้จะเริ่มทำกุฏิดินและห้องสมุดให้โรงเรียน เราเชื่อว่าการดึงชุมชนและคนอื่นมาร่วม ทำให้เกิดมิติแห่งกัลยาณมิตรและเกิดการช่วยเหลือและความรู้สึกดีๆ ต่อกันในอนาคต”

จากการร่วมแรงแข็งขันหลายต่อหลายครั้ง อาสาสมัครที่เวียนไปเวียนมามีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่กลายเป็นมิตรและมีเครือข่ายจากการเติบโตแบบปากต่อปาก ทำให้หลายคนนัดรวมกลุ่มสร้างบ้านดินกันเอง และกระจายตัวกันไปในพื้นที่ต่างๆ ประจวบเหมาะกับแนวคิดของงานด้านสาธารณประโยชน์ กับกระแสอนุรักษ์ที่มาแรงส่งผลให้บ้านดินได้รับผลตอบรับค่อนข้างดีในระยะปีหลัง

“ก่อนมาตั้งใจจะมาทำบุญ ตัวเองเป็นคนชอบงานจิตอาสาอยู่แล้ว แต่เพิ่งจะมีโอกาสมาครั้งแรก จบงานนี้ก็อยากจะทำอีกไปเรื่อยๆ...” วิชุดา สงพราหมณ์ หรือกั้ง นักศึกษาปี 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) น้องน้อยที่สุดในทีมอาสาบ้านดินครั้งนี้บอกความรู้สึกหลังได้เริ่มลงมือทำกุฏิดินไปครึ่งทางแล้ว
เหล่าอาสาสร้างที่ช่วยกันสร้างกุฏิดินคนละไม้ละมือ
โดยในครั้งแรกเธอหวังว่าจะได้เพื่อนใหม่ แต่เมื่อหันไปทางใดทุกคนกลับอยู่ในฐานะพี่ทั้งนั้น จึงดูเหมือนว่าทุกคนจะเอ็นดูเป็นพิเศษ กระนั้นการเดินทางไกลและได้ลงมือทำงานหนักในครั้งนี้ทำให้เธอเริ่มอยากจะมีบ้านดินเป็นของตัวเองบ้างแล้ว

“พอได้ลงมือทำรู้สึกว่าบ้านดินเป็นอะไรที่น่าสนใจ ถ้ามีสักหลังคงจะดี มันเย็นและถ้าสร้างจริงๆ คงไม่แพง อยู่อย่างสมถะ” กั้งบอก

ไม่เพียงเท่านั้นสาวน้อยจากเอแบคยังอธิบายต่อไปด้วยว่า ข้อคิดที่ได้ขณะยกอิฐดินแต่ละก้อนทำให้รู้ว่าแม้งานบางอย่างที่ดูเหมือนง่ายแต่ก็ใช่ว่าจะสำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียว หากไม่มีพี่น้องชาวบ้านให้ความช่วยเหลือ ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของพี่โยที่หวังว่าอาสาสมัครที่จะกลับบ้านไปต้องได้แนวคิดและความรู้สึกดีๆ กลับไป

“หลายครั้งที่เราอาจจะมองคนชนบทเหมือนกับแรงงานแต่จริงๆ แล้วเขาก็เหมือนป้า ลุง หรือเพื่อนเรา แต่เมื่อระบบเศรษฐกิจเข้ามาก็มองค่าของคนต่างกัน เราไม่อยากให้มองค่าของคนในตรงนั้น เพราะเรามาที่นี่เราก็อาศัยกินข้าวกินน้ำของที่นี่ ทุกคนต้องพึ่งพากัน” กั้งบอก
นำดินเหนียวที่ผสมเข้าที่แล้วมาใส่ในบล็อกเพื่อทำเป็นก้อน
หนึ่งวันหมดไป....เช้าพรุ่งนี้เราจะใช้ดินเหนียวผสมแกลบที่ย่ำให้เข้ากันฉาบเคลือบก้อนดินที่ก่อสูงไว้ และคงจะเริ่มตกแต่งได้

และในวันเดียวกันนี้ มีขบวนของอาสาปลูกป่ามาช่วยฟื้นฟูป่าในเขตเสื่อมโทรม เมื่อเดินผ่านเขาเหล่านั้นก็อดใจมาช่วยลงแรงด้วยเสียมิได้

หลวงพ่อพระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่ามหาวัน ได้เปรียบเทียบการปลูกป่าและการสร้างกุฏิดินที่ทำว่า เป็นการสร้างประโยชน์ และเป็นการปฏิบัติธรรม เพราะไม่เพียงประโยชน์จะเกิดขึ้นตนเองที่ได้รับทักษะความรู้เท่านั้น สิ่งสำคัญจะเกิดกับสาธารณะจึงเป็นการสร้างบุญที่ดี นอกจากนี้สิ่งใดก็ตามที่ได้ทำและเรียนรู้ด้วยน้ำมือของตนเองนั้นจะทำให้รู้ถึงขีดความพอดีตามความสามารถของตนเอง ซึ่งอิฐดินที่มีน้ำหนักมากจะสอนในเรื่องนี้ และคนที่ทำงานแต่ในห้องแอร์คอนดิชั่นหรือมีวิถีชีวิตที่สุขสบายเกือบตลอดมาจะได้มุมมองใหม่ในชีวิตว่าสิ่งที่เรียกว่างานหนักหากพักใจบ่อยๆ ก็จะเหนื่อยเพียงกาย แต่เมื่องานนั้นสำเร็จจะมีความภาคภูมิใจมากเป็นพิเศษแม้งานชิ้นนั้นจะไม่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้บอกว่าการทำงานสิ่งใดให้ทำด้วยฉันทะหรือความพอใจจึงจะเป็นสุข

“การที่คนเราได้หัดทำอะไรเองบ้างจะช่วยทำให้การจัดลำดับความสำคัญในชีวิตเราเริ่มปรับตัวให้ถูกต้องและสอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น การลงมือสร้างบ้านดินอย่างน้อยก็ได้สร้างประโยชน์ตรงนี้ก็จะรู้ว่า แค่ไหนจึงจะเหมาะสำหรับแต่ละคนถ้าได้สร้างเอง ถ้าเราก่อดีๆ ทำดีๆ การสร้างกุฏิดินครั้งนี้จะนำไปใช้กับชีวิตการทำงานของเราได้ ให้เหนื่อยแค่กายแต่ไม่เหนื่อยใจ และเมื่อเสร็จแล้วก็ขอให้ภูมิใจและยินดีในสิ่งที่ทำ” เจ้าอาวาสวัดป่ามหาวัน ให้ข้อคิด
กุฏิดินหลังแรกที่เป็นรูปร่างและฉาบไปบางส่วนแล้ว
ในมุมของคนที่เป็นทั้งคนยุคใหม่ และตัวแทนชาวบ้านอย่างสุรัชมองว่า สิ่งที่หล่นหายไปและต้องการอย่างมากสำหรับสังคมวันนี้คือ “จิตอาสา” ทำให้ยิ่งนับวันช่องว่างของคนเมืองและชาวบ้านยิ่งถ่างออกไป ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน สิ่งที่เขาพอจะช่วยให้ช่องว่างนี้แคบลงก็คือกิจกรรมที่นำตัวแทนของทั้งสองกลุ่มได้มาทำงานร่วมกัน

“สิ่งที่หายไปจากคนสมัยใหม่ก็คือ ใช้เงินเนรมิตทุกอย่าง เราจึงไม่ค่อยเข้าใจชาวบ้านว่าทำไมเขาต้องการป่า ต้องการแม่น้ำมากกว่าเขื่อน หรือไฟฟ้า นั่นเพราะเขาอยู่ได้ด้วยน้ำ และป่า อาหารมาก่อน ส่วนไฟฟ้ามาทีหลัง แต่คนในเมืองไม่เข้าใจเพราะพวกเขาไม่ได้เอาชีวิตไปผูกติดกับธรรมชาติ บ้านดินเป็นสื่อกลางหนึ่งที่จะบอกคำพูดเหล่านี้ แม้เสียงไม่ดังมากแต่อย่างน้อยก็ยังได้บอก” ผู้ประสานงานกลุ่มบ้านดินไทยทิ้งท้ายด้วยความหวัง
ช่วยกันทาสี กันฝนกันน้ำ
นอกจากนั้น พี่โย ยังบอกด้วยว่า การที่เรามาวันนี้อาจจะเป็นจุดประกายของการคิดทำอะไรด้วยตัวเอง เช่นต่อไปอาจจะปลูกผักเอง หรือ ทำของใช้เอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการจัดลำดับความสำคัญในชีวิต และเป็นจุดเริ่มของการเห็นความสำคัญของคน ตนเอง ธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด มากกว่าเม็ดเงินหรือตัวเลขในตลาดหุ้นหรือค่าเงินในตลาด ทำให้เราเข้าใจความเป็นจริงได้มากขึ้น

....รถ 6 ล้อสองคันกำลังวิ่งลงจากเขา ฝุ่นแดงคลุ้งด้านหลังค่อยๆ จางเมื่อวิ่งห่างออกมา แต่รอยยิ้มปรากฏชัดขึ้นในหน้าทุกคนที่นั่งเต็มคัน.....
กำลังโหลดความคิดเห็น