สธ.สั่งตรวจสอบสปาค้ากามขึ้นทะเบียน มีใบอนุญาตประกอบการจาก สธ.หรือไม่ พร้อมเผยข้อมูลมีอาบอบนวดเถื่อนใช้ชื่อ “หัตถเวช” เพียบ แถมแฝงขายบริการทางเพศ จี้ ตร.มหาดไทย ตรวจสอบ เพราะ สธ.ตรวจสอบเฉพาะคุณภาพสปาที่รับรองมาตรฐานแล้ว
วันที่ 25 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีกระทรวงศึกษาธิการพบสปาแห่งหนึ่งให้พนักงานสวมเครื่องแบบนักศึกษา แล้วแฝงขายบริการทางเพศว่า แม้สถานบริการสปาจะต้องมาขอขึ้นทะเบียน และขอใบอนุญาตประกอบการกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสถานบริการสปาดังกล่าวได้รับอนุญาตหรือไม่ เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนแล้ว
“เรื่องนี้ สธ.จะดูแลได้ลำบาก จึงน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ และกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องดูแลมากกว่าและคงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ หากร้านสปาจะมาขายบริการทางเพศที่ผิดกฎหมาย และยิ่งเป็นสปาที่มีใบอนุญาตจาก สธ.จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ส่วนกรณีสปาที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ สธ.จะต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปสืบเพื่อล่อซื้อบริการ หากพบว่ามีการขายบริการทางเพศ จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และยึดใบประกอบการทันที”นายชวรัตน์ กล่าว
ด้านนพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2542 จะแบ่งประเภทเพื่อขออนุญาตตามกฎหมาย โดยกระทรวงมหาดไทย จะดูแลสถานบริการประเภท อาบอบนวด ส่วนกระทรวงสาธารณสุข จะดูแลสถานบริการประเภท สปา นวดประเภทต่างๆ โดยในส่วนของสปาจะมีการออกใบรับรองมาตรฐาน โดยกรมสนับสนุนบริการทางสุขภาพ ซึ่งสถานประกอบการ จะได้รับทะเบียน และมีสัญลักษณ์ติดหน้าร้านหมายถึงเป็นสถานบริการที่ปลอดภัยมีมาตรฐานตามที่กระทรวงกำหนด โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงจะตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
“ที่ผ่านมา ยังไม่เคยพบการกระทำผิดในสถานบริการที่มีการขอใบรับรอง อย่างไรก็ตาม พบว่า มีสถานบริการประเภทที่ติดป้ายว่าหัตถเวช ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ไม่มีการขอใบรับรองมาตรฐานกับ สธ.ซึ่งเท่ากับเป็นอาบอบนวดเถื่อน และมักจะมีการขายบริการทางเพศแฝง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย ที่จะต้องตรวจสอบ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะสปา และร้านนวด ที่มาขอใบรับรองมาตรฐานเท่านั้น สำหรับสถานบริการที่เป็นข่าว ยังไม่มีข้อมูลว่า มีการขึ้นทะเบียนหรือไม่โดยจะมีการตรวจสอบเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป”นพ.ธารา กล่าว