นักเรียนโยธินฯ บุก ศธ.ยื่นแถลงการณ์ต่อ “พงศกร” ค้านใช้พื้นที่สร้างรัฐสภาใหม่ รณรงค์ติดแถบผ้าชมพูเป็นสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วย ผอ.โยธินฯ ส่งหนังแจ้งผู้ปกครองหยุดเรียนอ้างจราจรติดขัดหนีพันธมิตรฯ ขณะที่นักเรียนบางส่วนไม่สนหยุดเรียนจะเดินทางไปรอรับพันธมิตรฯ “พงศกร” อัดเด็กจี้ถามรายคน อ้างอยากฟังความเห็นจากเด็กหลายคน ให้แกนนำพูดคนสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.30น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ จำนวน 34 คนได้เข้าพบนายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.พร้อมได้ยื่นแถลงการณ์ลูกโยธินเรื่องการคัดค้านการย้ายโรงเรียนโยธินบูรณะเพื่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ฉบับที่ 1/2551 ดังนี้ 1.ตามที่มีข่าวในวันที่ 15 สิงหาคมว่าตัวแทนนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะ 20 คนเป็นผู้ยื่นข้อเสนอในการย้ายโรงเรียนว่าจะต้องมีงบประมาณในการสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท ต้องจัดระบบการจราจรให้ดี จัดระบบชุมชนในบริเวณนั้นให้เหมาะสม ให้รื้อถอนปั๊มแก๊สในบริเวณข้างวัดสร้อยทองออก และเป็นผู้ร่วมตัดสินใจในการลงนามMOUด้วยนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเป็นผลการประชุมMOUของรัฐบาลไม่มีนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะและศิษย์เก่าคนใดเข้าไปมีส่วนร่วมในการประชุมดังกล่าว
2.การที่นักเรียน ผู้ปกครองและศิษย์เก่าไม่ได้รับการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการย้ายโรงเรียนเพื่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่เป็นผลมาจากการปกปิดข้อมูลของผู้นำโรงเรียน อีกทั้งยังไม่มีการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครองมีเพียงแต่การแจ้งให้รับทราบเมื่อตัดสินใจดำเนินการไปแล้ว
3.จากผลสรุปโครงการสำรวจเตรียมการก่อสร้างที่ทำการรัฐสภาแห่งใหม่ในปี 2543 โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่างบประมาณในการก่อสร้างมีมากถึง10,028 ล้านบาท ประกอบกับปัจจุบันได้มีการปลูกสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนผู้อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้งบประมาณในการวางผัง ปลูกสร้างและขนย้ายสูงขึ้นตามลำดับ จากเหตุผลดังกล่าวกลุ่มลูกโยธินเห็นว่าการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในภาวะที่เศรษฐกิจบ้านเมืองตกต่ำจึงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง
4.ตามที่มีข่าวออกมาว่าเหตุผลหนึ่งของการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นั้นคือรัฐบาลต้องการลดปัญหาการจราจรบริเวณที่ตั้งรัฐสภาเดิม ในกรณีนี้กลุ่มลูกโยธินเห็นว่าถนนบริเวณแยกเกียกกายนั้นคับแคบและมีปัญหาเรื่องการจราจรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเป็นสถานการณท่ไม่เหมาะสมและไม่สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาการจราจรได้
5.การที่รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายเรื่องการทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบ และไม่มีการชี้แจงข้อมูลของโครงการ และการดำเนินการต่อผู้ได้รับผลกระทบ และสาธารณชนอย่างละเอียดนั้น ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ
6.กลุ่มลูกโยธินเห็นว่าการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่เป็นโครงการใหญ่ระดับประเทศ ซึ่งสมควรต้องใช้เวลาพิจารณาไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วน แต่รัฐบาลกลับเร่งดำเนินการเรื่องการเวนคืนที่ดินบริเวณเกียกกายเพื่อการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ภายในเวลาอันสั้น ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุอันสมควรใดๆ ในการรีบเร่งสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นี้
7.ตามที่มีข่าวออกมาว่า รัฐบาลเห็นว่ารัฐสภาแห่งใหม่นี้จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ และถือเป็นการพัฒนาประเทศไทยให้ทัดเทียมกับสากลโลก กลุ่มลูกโยธินเห็นว่าสิ่งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาประเทศไทยนั้น ไม่ได้อยู่ที่วัตถุ แต่อยู่ที่คุณภาพบุคลากรมากกว่า ดังนั้น จึงเห็นว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และยังเป็นรากฐานซึ่งจะเติบโตขึ้นไปพัฒนาประเทศได้ในอนาคต หากรัฐบาลต้องการพัฒนาประเทศไทยให้ทัดเทียมกับสากลโลก กลุ่มลูกโยธินเห็นว่าควรจะทุ่มงบประมาณจำนวนนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาให้เด็กนักเรียนไทยมากกว่าการนำไปใช้เพื่อปลูกสร้างอาคารรัฐสภาเพื่อประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มเดียว
8.ตามที่ทางรัฐบาลได้ออกมาแจ้งให้ทราบว่า จะย้ายโรงเรียนโยธินฯ บริเวณเกียกกายไปยังบริเวณวัดสร้อยทอง โดยเดิมโรงเรียนโยธินฯ มีที่ดิน 8 ไร่ หากย้ายไปบริเวณวัดสร้อยทองจะได้ที่ดินกว้างขึ้นเป็น 16 ไร่ พร้อมค่าทำลาย ค่าวัสดุภัณฑ์ ค่าปลูกสร้างอาคาร ค่าสาธารณูปโภค และอื่นๆ รวมเป็นจำนวน 1,000 ล้านบาท และพร้อมจะทำตามข้อเรียกร้องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนใหม่ บริเวณวัดสร้อยทอง โดยทางรัฐบาลถือว่าเป็นการแก้ปัญหา เรื่องการข้ามขั้นตอน การทำประชาพิจารณ์ตามกฎหมายนั้น กลุ่มลูกโยธินฯ เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด การข้ามขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์และขาดการประชาสัมพันธ์ แจ้งข้อมูลรายละเอียด ต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้น สามารถแก้ได้โดยการหยุดการดำเนินการใดๆ ก็ตาม ที่เกี่ยวข้องกับการย้ายโรงเรียนโยธินฯ แล้วจึงให้ทำประชาพิจารณ์โดยสาธารณชนซึ่งรวมถึงผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงด้วย สุดท้ายจึงพิจารณาผลการทำประชาพิจารณ์เพื่อสรุปแนวทางในการดำเนินการต่อไป
แกนนำนร.โยธินบูรณะ กล่าวว่าพวกเรายังยืนยันคัดค้านการย้ายโรงเรียนและจะต่อสู้กันต่อ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อยื่นต่อศาลปกครอง และขณะนี้ได้มีการรณรงค์ให้นักเรียนในโรงเรียนติดแถบผ้าสีชมพูที่เขียนข้อความว่า ลูกโยธินฯ เพื่อคัดค้านการใช้พื้นที่ของโรงเรียนสร้างรัฐสภาด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าพรุ่งนี้ทางโรงเรียนจะประกาศหยุดเรียน แต่จะมีนักเรียนโรงเรียนโยธินฯ บางส่วน ไปรอรับพันธมิตรฯ ที่มาให้กำลังใจ
นายพงศกร กล่าวภายหลังรับหนังสือแถลงการณ์จากนักเรียนโรงเรียนโยธินฯ ว่า ตนจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา และจะมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ซึ่งการที่เด็กเดินทางมาในวันนี้เพื่อต้องการแถลงจุดยืนให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบถึงเหตุผลที่ไม่ต้องการให้ย้ายโรงเรียน โดยเด็กได้ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่จะขอใช้สิทธิ์ทางประชาธิปไตยต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
นอกจากนี้ ในวันนี้(21 ส.ค.)นายมานพ นพศิริกุล ผอ.โรงเรียนโยธินบูรณะ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนโยธินฯ เรื่องแจ้งการหยุดเรียน ระบุว่า เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศว่าจะเดินทางไปให้กำลังใจนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะในวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งจากการประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลเตาปูนได้ข้อสรุปว่าในวันดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้เดินทางมาร่วมจำนวนมาก และจะเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด อาจจะต้องปิดการจราจรที่แยกบางโพ แยกสะพานแดง แยกบางกระบือเพื่อความสะดวกของนักเรียนจึงจำเป็นต้องหยุดเรียนในวันดังกล่าว รวมทั้งจะหยุดการสอนพิเศษในวันที่ 23 สิงหาคมด้วยโดยจะเปิดเรียนตามปกติในวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม ทั้งนี้โรงเรียนขนส่งทางบกที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กันก็สั่งหยุดเรียนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในห้องประชุมที่นายพงศกรเชิญเด็กนักเรียนเข้าไปพูดคุยนั้น นายพงศกรได้ชี้ตัวให้นักเรียนตอบคำถาม อาทิ บ้านอยู่ที่ไหน หากย้ายโรงเรียนได้รับความเดือดร้อนอย่างไร คัดค้านเพราะอะไร มีปัญหาเรื่องงบประมาณในการก่อสร้างอย่างไร การก่อสร้างไม่โปร่งใสอย่างไร ทราบข่าวจะย้ายโรงเรียนเมื่อไหร่ ที่ใหม่ไม่ดีอย่างไร รู้จักสมาคมผู้ปกครอง ร.ร.โยธินฯ หรือไม่ เป็นต้น ซึ่งหลายคำถามที่นายพงศกรถามเด็กนักเรียนนั้นเป็นข้อมูลเชิงลึกที่เด็กหลายคนไม่ทราบข้อมูล ทำให้เด็กตอบคำถามไม่ได้ นอกจากนี้เมื่อแกนนำนักเรียนยกมือขออ่านแถลงการณ์ นายพงศกรได้กล่าวว่า จะให้ผู้นำนักเรียนพูดเป็นคนสุดท้าย ขอฟังความคิดเห็นจากนักเรียนคนอื่นๆ ก่อน ว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างไร แม้ว่าแกนนำนักเรียนจะแจ้งว่า เป็นเวลาเย็นมากแล้วจะได้เดินทางกลับบ้าน แต่นายพงศกรได้กล่าวว่า “เย็นก็คงไม่เป็นไร ไหนๆ ก็มาทำเพื่อโรงเรียนตัวเองแล้ว ก็ขอให้อยู่คุยกันนานๆ ก่อน พ่อแม่ผู้ปกครองคงรู้หมดแล้วว่ามาที่กระทรวงศึกษาฯ คงไม่ว่าอะไร”