สปส.แจงสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีเสียชีวิต ผู้ประกันตนจะได้รับค่าทำศพ 40,000 บาท แนะนำให้ผู้ประกันตนระบุชื่อผู้มีสิทธิรับเงิน ป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้าง
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สปส.ได้จ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีตายของกองทุนประกันสังคม โดยจ่ายค่าทำศพให้แก่ผู้มีสิทธิรับประโยชน์ จำนวน 40,000 บาท เพื่อเป็นค่าจัดการศพ โดยผู้ประกันตนจะต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือน ก่อนถึงแก่ความตาย โดยผู้มีสิทธินำหลักฐาน คือ แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส.2-01) สำเนาบัตรประชาชนของผู้จัดการศพ หลักฐานจากฌาปนสถานหรือมัสยิดที่แสดงว่าเป็นผู้จัดการศพ สำเนาใบมรณบัตร สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้จัดการ (กรณีรับเงินทางธนาคาร)
ส่วนผู้มีสิทธิจะได้รับคืนเงินออมกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีตาย ถ้าผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ปี ให้ได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างโดยเฉลี่ย 1 เดือนครึ่ง เช่น ค่าจ้างเฉลี่ย 10,000 บาท รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย 15,000 บาท แต่ถ้าผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเกิน 10 ปีขึ้นไป ให้ได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างโดยเฉลี่ย 5 เดือน เช่น ค่าจ้างเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย 50,000 บาท (ค่าจ้างเฉลี่ยคิดจากรายได้ต่ำสุดที่ 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน) โดยเงินสงเคราะห์กรณีตายนี้ จะจ่ายก็ต่อเมื่อเป็นบุคคลที่ผู้ประกันตนระบุให้เป็นผู้รับสิทธิประโยชน์ โดยการทำหนังสือระบุไว้
ถ้าหากผู้ประกันตนไม่ได้ทำหนังสือระบุไว้ว่าให้ใครเป็นผู้รับสิทธิประโยชน์ ทาง สปส.จะจ่ายให้ผู้มีสิทธิตามกฎหมาย คือ บิดา มารดา ภรรยา และบุตร โดยหารเฉลี่ยในอัตราคนละเท่าๆ กัน จึงแนะให้ผู้ประกันตนที่โสด ไม่มีทายาท ควรทำหนังสือระบุชื่อผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์กรณีตายให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาการแอบอ้างรับประโยชน์ทดแทน หากไม่มีผู้รับประโยชน์ทดแทน เงินส่วนนั้นจะตกเป็นของกองทุนประกันสังคม ตามที่กฎหมายกำหนด
นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สปส.ได้จ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีตายของกองทุนประกันสังคม โดยจ่ายค่าทำศพให้แก่ผู้มีสิทธิรับประโยชน์ จำนวน 40,000 บาท เพื่อเป็นค่าจัดการศพ โดยผู้ประกันตนจะต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือน ก่อนถึงแก่ความตาย โดยผู้มีสิทธินำหลักฐาน คือ แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส.2-01) สำเนาบัตรประชาชนของผู้จัดการศพ หลักฐานจากฌาปนสถานหรือมัสยิดที่แสดงว่าเป็นผู้จัดการศพ สำเนาใบมรณบัตร สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้จัดการ (กรณีรับเงินทางธนาคาร)
ส่วนผู้มีสิทธิจะได้รับคืนเงินออมกรณีชราภาพ และเงินสงเคราะห์กรณีตาย ถ้าผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ปี ให้ได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างโดยเฉลี่ย 1 เดือนครึ่ง เช่น ค่าจ้างเฉลี่ย 10,000 บาท รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย 15,000 บาท แต่ถ้าผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเกิน 10 ปีขึ้นไป ให้ได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างโดยเฉลี่ย 5 เดือน เช่น ค่าจ้างเฉลี่ย 10,000 บาท จะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย 50,000 บาท (ค่าจ้างเฉลี่ยคิดจากรายได้ต่ำสุดที่ 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน) โดยเงินสงเคราะห์กรณีตายนี้ จะจ่ายก็ต่อเมื่อเป็นบุคคลที่ผู้ประกันตนระบุให้เป็นผู้รับสิทธิประโยชน์ โดยการทำหนังสือระบุไว้
ถ้าหากผู้ประกันตนไม่ได้ทำหนังสือระบุไว้ว่าให้ใครเป็นผู้รับสิทธิประโยชน์ ทาง สปส.จะจ่ายให้ผู้มีสิทธิตามกฎหมาย คือ บิดา มารดา ภรรยา และบุตร โดยหารเฉลี่ยในอัตราคนละเท่าๆ กัน จึงแนะให้ผู้ประกันตนที่โสด ไม่มีทายาท ควรทำหนังสือระบุชื่อผู้มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์กรณีตายให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาการแอบอ้างรับประโยชน์ทดแทน หากไม่มีผู้รับประโยชน์ทดแทน เงินส่วนนั้นจะตกเป็นของกองทุนประกันสังคม ตามที่กฎหมายกำหนด