“สมชาย” สนองพระเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ รื้อวิชาประวัติศาสตร์ ด้าน “กษมา” จี้สถานศึกษาให้จัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์เข้มข้นขึ้น พร้อมให้พานักเรียนศึกษานอกสถานที่ และประมวลว่าจะต้องปรับหลักสูตรหรือไม่
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงให้รื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งพระราชทานในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 76 พรรษา ว่า ศธ.รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใย และทรงสนพระทัยต่อการศึกษา ศธ.จะเร่งดำเนินการโดยเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และตนได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องกับในเรื่องนี้ เพื่อหารือถึงแนวทางดำเนินการต่อไป
นายสมชาย กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับมายังตนให้รีบดำเนินการ เพื่อนำข้อสรุปที่ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 15 ส.ค.เพื่อให้นำมาสู่การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ตามพระราชเสาวนีย์โดยเร็วที่สุด
ด้าน คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า วันนี้ (13 ส.ค.) ได้หารือร่วมกับผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่า สพฐ.จะเร่งดำเนินการเพื่อสนองพระราชเสาวนีย์ ในเบื้องต้นจะจัดการเรียนการสอนเพื่อให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันวิชาประวัติศาสตร์จะรวมอยู่ในกลุ่มสาระวิชาสังคมศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม ในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้น จะจัดการเรียนอยู่ที่ 3 คาบต่อสัปดาห์ ส่วนมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ที่ 6 คาบต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การจัดการเรียนสอนขึ้นอยู่กับโรงเรียนแต่ละโรง ว่า จะแบ่งสัดส่วนการเรียนการสอนแบบไหน ส่วนใหญ่จะมัธยมศึกษาตอนปลายจะเรียน 1 คาบต่อสัปดาห์ เฉพาะหน้าจะให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้น
ซึ่งก่อนอื่นจะต้องสำรวจก่อนว่าแต่ละโรงมีการสอนประวัติศาสตร์มากน้อยแค่ไหน เพื่อนำข้อมูลมาประมวลอีกครั้งว่า จะต้องปรับหลักสูตรหรือเปล่า อย่างไรก็ดี จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ กพฐ.ชุดใหม่ที่มี ดร.พารณ อิสระเสนา เป็นประธาน เพราะเรื่องที่เกี่ยวกับหลักสูตรจะต้องหารือให้พิจารณาว่าจะปรับหรือไม่
พร้อมกันนี้ จะมีการผลิตสื่อการเรียนการสอนพัฒนาครูโดยใช้คู่มือการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ซึ่งชำระโดยคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ มาปรับปรุงใช้อีกครั้ง อีกทั้งจะสนับสนุนให้โรงเรียนจัดกิจกรรมให้ความรู้ประวัติศาสตร์แก่นักเรียนเพิ่มเติมในรูปแบบต่างๆ เช่น พานักเรียนทัศนศึกษาตามแหล่งประวัติศาสตร์ ให้เรียนแสดงละคร เขียนเรียงความ เป็นต้น
