ผู้เชี่ยวชาญแฉผู้ป่วยวัณโรคโรงพยาบาลเอกชนดื้อยาเพียบ เหตุรักษาตามกระเป๋าตังค์ของคนไข้ แถมไม่มีระบบติดตามผล ขณะที่สธ.ระบุงบประมาณไม่พอจึงทำให้ดุแลไม่ครอบคลุม
นพ.เจริญ ชูโชติถาวร แพทย์อายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลทรวงอก กล่าวว่า ปัญหาเรื่องวัณโรคดื้อยาในโรงพยาบาลเอกชนน่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากในโรงพยาบาลเอกชนมักจะไม่มีระบบการติดตามผล โดยพบว่า ผู้ป่วยจะเข้ารับการรักษา เพียง 1-2 เดือน ก็หยุดการรักษาเอง เพราะคิดว่า อาการดีขึ้นแล้ว ทั้งๆ ที่การรักษาที่ถูกต้องผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน จึงจะสามารถหายได้ ทั้งนี้ หากมีอาการดื้อยาแล้วจะทำให้การรักษายากและเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้นด้วย
ที่สำคัญคือ โรงพยาบาลเอกชนมักรักษาตามกำลังเงินของผู้ป่วย ทำให้ไม่มีการติดตามผล ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยวัณโรคดื้อยามีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ มีผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นวัณโรคโดยที่ไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้แต่ละประเทศที่มีปัญหา พยายามร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นจริงถูกต้อง รวมทั้งเน้นอัตราความสำเร็จของการรักษาวัณโรคให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก
นพ.เจริญ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาประมาณ 3,000 คนจากผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ปีละ 91,000 ราย เสียชีวิตปีละ 5,000-7,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ โดยขณะนี้สถิติผู้ป่วยวัณโรคของประเทศยังคงอยู่ในอันดับที่ 18 จาก 22 ประเทศ ที่ยังมีปัญหาวัณโลกรุนแรง
ด้านนพ.ยุทธิชัย เกษตรเจริญ นพ.9 สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข มีโครงการความร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชน โดยได้รับงบประมาณจากกองทุนโลกในการเข้ามาดูแล ผู้ป่วยวัณโรคร่วมกัน แต่ขณะนี้งบประมาณส่วนดังกล่าวมีไม่มากพอที่จะดูแลโรงพยาบาลเอกชนได้คลอบคลุมทั้ง 3,000แห่ง จึงดำเนินการได้เพียงประคับประคอง กับโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งเท่านั้น ทำให้การประสานข้อมูลเป็นไปอย่างยากลำบาก
