xs
xsm
sm
md
lg

กรมศิลป์เร่งรวมเอกสาร ยัน “ปราสาทตาเมือนธม” เป็นของไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปราสาทตาเมือนธม
อธิบดีกรมศิลปากร ยืนยันอีกครั้งปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.พ.ศ.2478 เร่งรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่มีเพื่อนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นข้อมูลรวมกัน

วันนี้ (6 ส.ค.) นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นของประเทศไทย จากการตรวจสอบหลักฐานที่ผ่านมา มีหลักฐานชัดเจนว่าได้มีการขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว สิ่งที่กรมศิลปากรจะดำเนินการต่อไป คือ การตรวจสอบข้อมูลหลักฐานและรวบรวมไว้ทั้งหมด นำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลร่วมกัน สำหรับหลักฐานครั้งนี้ที่ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทย คือ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาที่แสดงว่าได้มีการขึ้นทะเบียนไว้ ทั้งรายชื่อและเขตโบราณสถานและแผนที่ที่ไปดำเนินการสำรวจ รวมทั้งรายละเอียดมีการดำเนินการเกี่ยวกับการบูรณะที่ผ่านมา

ส่วนกรณีปัญหาโบราณสถานบริเวณชายแดนติดต่อไทย กับ กัมพูชา ที่เกิดต่อเนื่องจะมีการแก้ปัญหาอย่างไรนั้น นายเกรียงไกร กล่าวว่า ปกติมีคณะกรรมการร่วมในการปักปันเขตแดน ซึ่งดำเนินงานมาหลายปีแล้ว ก็คงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดน ที่จะดำเนินการปักปันต่อไป

ด้านนายเขมชาติ เทพไชย รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามปกติโบราณสถานใดก็ตามที่อยู่ในประเทศไทย กรมศิลปากรมีพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 แก้ไข พ.ศ.2535 ให้อำนาจอธิบดีกรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน กรณีปราสาทตาเมือนธม ได้ประกาศขึ้นทะเบียนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2478 ในสมัยของหลวงวิจิตรวาทการ เป็นอธิบดีกรมศิลปากร การขึ้นทะเบียนทั้งหมดต้องประกาศเป็นทางการ ประกาศในทางราชการ คือประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศให้รู้ทั้งประเทศว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ขณะนั้นประกาศแค่ชื่อเท่านั้น

ต่อมาในปี 2535 คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ก็ได้ประกาศขอบเขต มีคันกันเขตอย่างชัดเจน ประมาณ 5 ไร่ ในเวลากันเขตขณะนั้น ก็มีปราสาทองค์ประธาน มีโคปุระ และกำแพง และมีการประกาศขอบเขตออกไปประมาณ 50 เมตร ตามความเหมาะสมในการขึ้นทะเบียน ฉะนั้น ในเขตนี้ เมื่อการขึ้นทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีการควบคุมตามพระราชบัญญัติอย่างชัดเจน ใครจะไปทำอะไรในพื้นที่ตรงนี้ ต้องมีการขออนุญาตอธิบดีกรมศิลปากรในฐานะผู้ดูแลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติโบราณสถานฯ ขณะนี้ได้ขึ้นทะเบียน แสดงว่าเป็นของประเทศไทยอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น