“พงศกร” ปูดตำราเรียนหาย ทำเป็นขบวนการใหญ่มีคนรู้เห็นถึง 20 คน และร้านค้ามีส่วนร่วมด้วย เพราะจำนวนหนังสือที่หายเท่าออเดอร์ อาศัยช่วงชุลมุนใกล้เปิดเทอม ด้าน “สมชาย” มึน หนังสือหายได้อย่างไร และไม่ควรเกิดขึ้นกับกระทรวงศึกษาฯ
วันนี้ (21 ก.ค.) ที่โรงพิมพ์องค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ลาดพร้าว นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายบำเรอ ภาณุวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ นายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการ สกสค. นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปตรวจเยี่ยมคลังสินค้าขององค์การค้าพร้อมแถลงข่าว
นายพงศกร กล่าวว่า หลังจากพูดคุยกับผู้บริหารองค์การค้าฯ พร้อมตรวจสภาพที่เกิดเหตุ เห็นชัดว่า ขบวนการขโมยหนังสือองค์การค้าฯทำเป็นขบวนการใหญ่ มีคนในรู้เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น ตำรวจเตรียมกันตัวพนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งเข้าเวรช่วงเวลาที่คาดการณ์ว่าน่าจะมีการขโมยหนังสือออกไปไว้เป็นพยาน เพราะจากกล้องวงจรปิด แสดงให้เห็นว่า รปภ.น่าจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย และเชื่อว่า รปภ.น่าจะซัดทอดไปถึงผู้ร่วมขบวนการประมาณ 20 คน
เชื่อว่า นอกจากคนในองค์การค้าฯ ที่มีส่วนร่วมรู้เห็นแล้ว ร้านค้าหนังสือที่รับหนังสือจากขโมยไปจำหน่ายต้องมีส่วนรู้เห็นด้วย เนื่องจากหนังสือที่หายไปเป็นรายวิชา ที่มีการสั่งซื้อ ชี้ให้เห็นว่าขบวนการนี้ลงมือขโมยหนังสือตามออเดอร์ หากมีการสอบสวนขยายผลไปถึงร้านค้า อาจมีความผิดด้วยถ้าพบหลักฐานร้านค้ามีส่วนรู้เห็นด้วย
“องค์การค้าฯ มีการทำประกันภัยไว้ ทางบริษัทประกันจะต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้ แต่เราก็ไม่ได้พอใจ เพราะต้องการสร้างองค์การค้าให้มีความโปร่งใส ไม่มีนอกมีใจ ดังนั้น เร็วๆ นี้จะมีการประชุมหารือเรื่องผ่าตัดการบริหารจัดการขององค์การค้าฯใหม่”
นายพงศกร บอกต่อว่า เมื่อมีระบบดูแลทรัพย์สินบกพร่อง จำเป็นต้องปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยคลังสินค้าขององค์การค้าฯ เพราะวิธีการขโมยหนังสือออกไปจำหน่ายครั้งนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นการขโมยปกติ โดยอาศัยช่วงเทศกาลขายหนังสือหรือช่วงเปิดเทอม ที่องค์การค้ามีความโกลาหล สวมรอยเข้ามาขนหนังสือออกไป และคาดว่า บุคคลในขบวนการมีกุญแจเปิดคลังสินค้า ทั้งนี้ จากการสอบถามหัวหน้าฝ่ายคลังสินค้า ได้ให้ข้อมูลว่า กุญแจคลังสินค้ามี 3 ดอก แยกกันเก็บไว้ 3 คน ตรงนี้เปิดช่องให้มีการปั๊มกุญแจนำมาเปิดคลังสินค้า ขโมยหนังสือออกไปได้ ตรงนี้ถือว่า เป็นความบกพร่องและสะเพร่าของเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯด้วย
ด้าน นายบำเรอ กล่าวว่า อีก 2 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่และ รปภ.ขององค์การค้าฯ แล้วขยายผลต่อไป ซึ่งขณะนี้องค์การค้าฯ ได้ย้ายเจ้าหน้าที่ที่คาดว่า น่าจะเกี่ยวข้องกว่า 20 คนออกไป เพื่อสะดวกในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และฝ่ายกฎหมายได้ประสานงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้เร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดและสาวไปถึงตัวบ่งการใหญ่ สำหรับร้านค้าที่รับหนังสือกลุ่มนี้ไปจำหน่าย มีความผิดฐานรับซื้อของโจรด้วย ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายบุญรัตน์ กล่าวว่า ระยะสั้นนางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัด กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สกสค.จะตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบข้อเท็จจริง สำหรับระยะยาวปลัดศธ. มอบให้ตนไปตั้งคณะทำงานขึ้นมาหาทางปรับการบริหารจัดการขององค์การค้าฯ ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใสขึ้น
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องหนังสือองค์การค้าฯ หาย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ เพราะกระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงให้ความรู้แก่เด็ก และต้องสอนให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ไม่มีคุณธรรม อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้องค์การค้าไปตรวจสอบว่าเหตุการณ์นี้ หากพบว่าคนในกระทำความผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นตอนและดำเนินคดี ถ้าพบว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรงจะลงโทษถึงขั้นไล่ออก
วันนี้ (21 ก.ค.) ที่โรงพิมพ์องค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ลาดพร้าว นายพงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายบำเรอ ภาณุวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ นายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการ สกสค. นายบุญรัตน์ วงศ์ใหญ่ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางไปตรวจเยี่ยมคลังสินค้าขององค์การค้าพร้อมแถลงข่าว
นายพงศกร กล่าวว่า หลังจากพูดคุยกับผู้บริหารองค์การค้าฯ พร้อมตรวจสภาพที่เกิดเหตุ เห็นชัดว่า ขบวนการขโมยหนังสือองค์การค้าฯทำเป็นขบวนการใหญ่ มีคนในรู้เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น ตำรวจเตรียมกันตัวพนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งเข้าเวรช่วงเวลาที่คาดการณ์ว่าน่าจะมีการขโมยหนังสือออกไปไว้เป็นพยาน เพราะจากกล้องวงจรปิด แสดงให้เห็นว่า รปภ.น่าจะมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ด้วย และเชื่อว่า รปภ.น่าจะซัดทอดไปถึงผู้ร่วมขบวนการประมาณ 20 คน
เชื่อว่า นอกจากคนในองค์การค้าฯ ที่มีส่วนร่วมรู้เห็นแล้ว ร้านค้าหนังสือที่รับหนังสือจากขโมยไปจำหน่ายต้องมีส่วนรู้เห็นด้วย เนื่องจากหนังสือที่หายไปเป็นรายวิชา ที่มีการสั่งซื้อ ชี้ให้เห็นว่าขบวนการนี้ลงมือขโมยหนังสือตามออเดอร์ หากมีการสอบสวนขยายผลไปถึงร้านค้า อาจมีความผิดด้วยถ้าพบหลักฐานร้านค้ามีส่วนรู้เห็นด้วย
“องค์การค้าฯ มีการทำประกันภัยไว้ ทางบริษัทประกันจะต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้ แต่เราก็ไม่ได้พอใจ เพราะต้องการสร้างองค์การค้าให้มีความโปร่งใส ไม่มีนอกมีใจ ดังนั้น เร็วๆ นี้จะมีการประชุมหารือเรื่องผ่าตัดการบริหารจัดการขององค์การค้าฯใหม่”
นายพงศกร บอกต่อว่า เมื่อมีระบบดูแลทรัพย์สินบกพร่อง จำเป็นต้องปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยคลังสินค้าขององค์การค้าฯ เพราะวิธีการขโมยหนังสือออกไปจำหน่ายครั้งนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นการขโมยปกติ โดยอาศัยช่วงเทศกาลขายหนังสือหรือช่วงเปิดเทอม ที่องค์การค้ามีความโกลาหล สวมรอยเข้ามาขนหนังสือออกไป และคาดว่า บุคคลในขบวนการมีกุญแจเปิดคลังสินค้า ทั้งนี้ จากการสอบถามหัวหน้าฝ่ายคลังสินค้า ได้ให้ข้อมูลว่า กุญแจคลังสินค้ามี 3 ดอก แยกกันเก็บไว้ 3 คน ตรงนี้เปิดช่องให้มีการปั๊มกุญแจนำมาเปิดคลังสินค้า ขโมยหนังสือออกไปได้ ตรงนี้ถือว่า เป็นความบกพร่องและสะเพร่าของเจ้าหน้าที่องค์การค้าฯด้วย
ด้าน นายบำเรอ กล่าวว่า อีก 2 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่และ รปภ.ขององค์การค้าฯ แล้วขยายผลต่อไป ซึ่งขณะนี้องค์การค้าฯ ได้ย้ายเจ้าหน้าที่ที่คาดว่า น่าจะเกี่ยวข้องกว่า 20 คนออกไป เพื่อสะดวกในการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และฝ่ายกฎหมายได้ประสานงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้เร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดและสาวไปถึงตัวบ่งการใหญ่ สำหรับร้านค้าที่รับหนังสือกลุ่มนี้ไปจำหน่าย มีความผิดฐานรับซื้อของโจรด้วย ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายบุญรัตน์ กล่าวว่า ระยะสั้นนางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัด กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สกสค.จะตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบข้อเท็จจริง สำหรับระยะยาวปลัดศธ. มอบให้ตนไปตั้งคณะทำงานขึ้นมาหาทางปรับการบริหารจัดการขององค์การค้าฯ ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใสขึ้น
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องหนังสือองค์การค้าฯ หาย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ เพราะกระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงให้ความรู้แก่เด็ก และต้องสอนให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่ไม่มีคุณธรรม อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้องค์การค้าไปตรวจสอบว่าเหตุการณ์นี้ หากพบว่าคนในกระทำความผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นตอนและดำเนินคดี ถ้าพบว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรงจะลงโทษถึงขั้นไล่ออก
