องค์การค้าฯ แจ้นแจ้งตำรวจ หลังพบหนังสือหาย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เตรียมออกหมายจับต้นตอเร็วๆ นี้ ส่วน “พงศกร” ไม่เชื่อหนังสือหาย คาดว่า เป็นข้อผิดพลาดทางข้อมูลมากกว่า สั่งปลัด ศธ.ตั้งกรรมการสอบ ด้าน “จรวยพร” ปัด อ้างไม่มีอำนาจสอบคนในองค์การค้าฯ เว้นแต่ เลขาฯ สกสค.ทำผิด
นายพงศกร อรรณพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่คลังสินค้า ขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.โชคชัย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กรณีหนังสือเรียนระดับ ม.ปลาย ขององค์การค้าฯหาย 48 รายการ มีมูลค่า 23 ล้านบาท
ซึ่งเรื่องนี้ ตนจะสั่งการให้ นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัด ศธ.ไปตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นข้อผิดพลาดทางเอกสาร เจ้าหน้าที่อาจขนหนังสือออกไปส่งตามใบสั่งซื้อ แต่ไม่ได้แจ้งกับฝ่ายคลังสินค้าให้ทราบ จึงทำให้ยอดหนังสือที่เหลืออยู่จริงกับยอดหนังสือในสต๊อกของฝ่ายคลังสินค้าไม่ตรงกัน จึงเข้าใจผิดว่า หนังสือหาย เวลานี้ก็เปิดเทอมมาเป็นเดือนแล้ว จึงไม่แปลกหากหนังสือจะขายออกไปจำนวนมาก หากเหลือหนังสืออยู่จำนวนมากซิเป็นเรื่องแปลก
สมมติว่า หนังสือหายจริง ก็สันนิษฐานได้ว่า มีการทำเป็นขบวนการขนาดใหญ่ของผู้มีอำนาจภายในองค์การค้าฯที่ทำกันเป็นเครือข่ายใหญ่ ขนหนังสือออกไปเกินใบสั่งเพื่อนำหนังสือส่วนเกินขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ข้อสันนิษฐานนี้ตนยังไม่อยากจะคิดถึง
“ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตัวเลขฝ่ายบัญชี เป็นไปได้ยังไงที่หนังสือจะหายไปในมูลค่า 23 ล้าน หากแอบขนออกไปขายจริงๆ ก็ต้องใช้รถ ใช้คนมากจนผิดสังเกต คนในองค์การค้าก็ต้องรู้ เพราะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าหนังสืออยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นความผิดพลาดทางเอกสารมากกว่าหนังสือหาย แต่หากใครพบพิรุธใดๆ ขึ้นมาก็จะดำเนินการถึงที่สุดกับทุกฝ่าย”
นายบำเรอ ภาณุวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ยืนยันว่า หนังสือหายจริงๆ ไม่ใช่ความผิดพลาดทางเอกสาร และตนเป็นคนมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายและเจ้าหน้าที่คลังสินค้าไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี และกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนข้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ มั่นใจว่า เร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขอหมายศาลเข้าจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นคนในองค์การค้าฯ
“จ้องมานานแล้ว และเตรียมที่จะกวาดล้างขบวนการนี้ให้สิ้นซาก ซึ่งหน้านี้ไม่มีหลักฐาน จึงสั่งซื้อกล้องวงจรปิด 32 ตัวมาติดตั้งไว้ และได้รวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าจับกุม ไม่นานเรื่องก็จะแดง ทั้งนี้ กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ว่าหนังสือที่หายไปทั้งหมดมีจำนวนกี่เล่ม อย่างไรก็ตาม มูลค่า23 ล้านบาทนั้น เป็นราคาต้นทุน ถ้าราคาจำหน่ายจะมีมูลค่า 50 ล้านบาท”
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามที่ รมช.ศธ.มอบหมายไม่ได้ เพราะตามมาตรา 72 ของ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ระบุว่า อำนาจในการบรรจุ แต่งตั้ง ลงโทษทางวินัยพนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา นั้น เป็นของเลขาธิการ สกสค.ซึ่งทำหน้าที่ประธานบอร์ดองค์การค้าฯ ยกเว้น เลขาฯ สกสค.ทำผิด ตนจึงมีอำนาจสั่งสอบเลขาฯ สกสค.
นายพงศกร อรรณพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่คลังสินค้า ขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.โชคชัย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กรณีหนังสือเรียนระดับ ม.ปลาย ขององค์การค้าฯหาย 48 รายการ มีมูลค่า 23 ล้านบาท
ซึ่งเรื่องนี้ ตนจะสั่งการให้ นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัด ศธ.ไปตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นข้อผิดพลาดทางเอกสาร เจ้าหน้าที่อาจขนหนังสือออกไปส่งตามใบสั่งซื้อ แต่ไม่ได้แจ้งกับฝ่ายคลังสินค้าให้ทราบ จึงทำให้ยอดหนังสือที่เหลืออยู่จริงกับยอดหนังสือในสต๊อกของฝ่ายคลังสินค้าไม่ตรงกัน จึงเข้าใจผิดว่า หนังสือหาย เวลานี้ก็เปิดเทอมมาเป็นเดือนแล้ว จึงไม่แปลกหากหนังสือจะขายออกไปจำนวนมาก หากเหลือหนังสืออยู่จำนวนมากซิเป็นเรื่องแปลก
สมมติว่า หนังสือหายจริง ก็สันนิษฐานได้ว่า มีการทำเป็นขบวนการขนาดใหญ่ของผู้มีอำนาจภายในองค์การค้าฯที่ทำกันเป็นเครือข่ายใหญ่ ขนหนังสือออกไปเกินใบสั่งเพื่อนำหนังสือส่วนเกินขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ข้อสันนิษฐานนี้ตนยังไม่อยากจะคิดถึง
“ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตัวเลขฝ่ายบัญชี เป็นไปได้ยังไงที่หนังสือจะหายไปในมูลค่า 23 ล้าน หากแอบขนออกไปขายจริงๆ ก็ต้องใช้รถ ใช้คนมากจนผิดสังเกต คนในองค์การค้าก็ต้องรู้ เพราะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าหนังสืออยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นความผิดพลาดทางเอกสารมากกว่าหนังสือหาย แต่หากใครพบพิรุธใดๆ ขึ้นมาก็จะดำเนินการถึงที่สุดกับทุกฝ่าย”
นายบำเรอ ภาณุวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ยืนยันว่า หนังสือหายจริงๆ ไม่ใช่ความผิดพลาดทางเอกสาร และตนเป็นคนมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายและเจ้าหน้าที่คลังสินค้าไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี และกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนข้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ มั่นใจว่า เร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมขอหมายศาลเข้าจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นคนในองค์การค้าฯ
“จ้องมานานแล้ว และเตรียมที่จะกวาดล้างขบวนการนี้ให้สิ้นซาก ซึ่งหน้านี้ไม่มีหลักฐาน จึงสั่งซื้อกล้องวงจรปิด 32 ตัวมาติดตั้งไว้ และได้รวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าจับกุม ไม่นานเรื่องก็จะแดง ทั้งนี้ กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ว่าหนังสือที่หายไปทั้งหมดมีจำนวนกี่เล่ม อย่างไรก็ตาม มูลค่า23 ล้านบาทนั้น เป็นราคาต้นทุน ถ้าราคาจำหน่ายจะมีมูลค่า 50 ล้านบาท”
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามที่ รมช.ศธ.มอบหมายไม่ได้ เพราะตามมาตรา 72 ของ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ระบุว่า อำนาจในการบรรจุ แต่งตั้ง ลงโทษทางวินัยพนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา นั้น เป็นของเลขาธิการ สกสค.ซึ่งทำหน้าที่ประธานบอร์ดองค์การค้าฯ ยกเว้น เลขาฯ สกสค.ทำผิด ตนจึงมีอำนาจสั่งสอบเลขาฯ สกสค.
