“ชวรัตน์” สั่ง กคช.ปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ หลังยอดขายบ้านเอื้ออาทรไม่เป็นไปตามเป้า รวมทั้งให้ปรับราคาเริ่มต้นของโครงการบ้านปฐมภูมิที่สูงเกินไป ส่งผลผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายสู้ราคาไม่ไหว ขณะที่ปัญหาแฟลตดินแดงยืดเยื้อ ให้รอมติบอร์ดใหม่
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวหลังตรวจเยี่ยมการเคหะแห่งชาติ (กคช.) รัฐวิสาหกิจในสังกัด โดยมี นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการ กคช. และผู้บริหาร ให้การต้อนรับว่า วันนี้ได้รับฟังปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ขณะนี้ยังขายไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่ง กคช.ยังต้องปรับแนวทางการตลาดใหม่ ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) บ้านเอื้ออาทรจะต้องปรับลดหน่วยก่อสร้างให้ไม่เกิน 300,504 หน่วย และควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน ขณะที่ดอกเบี้ยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ซื้อน้อยลง ส่วนโครงการบ้านปฐมภูมิต่างจากบ้านเอื้ออาทร คือ กคช.ใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมธนารักษ์ จัดทำโครงการที่อยู่อาศัยลักษณะใกล้สถานีรถไฟฟ้า คาดว่าโครงการแรกจะเริ่มได้ที่ย่านร่มเกล้า แต่จะไม่สร้างล่วงหน้าเหมือนบ้านเอื้ออาทร
ส่วนที่มีผู้ติงว่า โครงการบ้านปฐมภูมิมีราคาเริ่มต้นสูงถึง 1.3 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการจับกลุ่มเป้าหมายผู้เริ่มทำงานใหม่กำลังสร้างครอบครัว เพราะเงินเดือนไม่ถึง เนื่องจากผู้เช่าซื้อจะกู้เงินจากธนาคารต้องมีเงินเดือนสูงถึง 30,000 บาท นั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนต้องหารือเรื่องนี้กับ กคช.ให้ปรับโครงการเพื่อสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เบื้องต้นตั้งเป้าจะทำ 10,000 หน่วย ใช้งบประมาณ 10,000 ล้านบาท
สำหรับปัญหาแฟลตดินแดง ซึ่งล่าสุดมติคณะกรรมการ กคช.เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2551 เห็นว่าอาคารแฟลตไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ต่อไปนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า จากนี้ต้องรอคณะกรรมการ กคช.ชุดใหม่เพื่อพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 เดือน
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวหลังตรวจเยี่ยมการเคหะแห่งชาติ (กคช.) รัฐวิสาหกิจในสังกัด โดยมี นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการ กคช. และผู้บริหาร ให้การต้อนรับว่า วันนี้ได้รับฟังปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ขณะนี้ยังขายไม่ได้ตามเป้าหมาย ซึ่ง กคช.ยังต้องปรับแนวทางการตลาดใหม่ ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) บ้านเอื้ออาทรจะต้องปรับลดหน่วยก่อสร้างให้ไม่เกิน 300,504 หน่วย และควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน ขณะที่ดอกเบี้ยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ซื้อน้อยลง ส่วนโครงการบ้านปฐมภูมิต่างจากบ้านเอื้ออาทร คือ กคช.ใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมธนารักษ์ จัดทำโครงการที่อยู่อาศัยลักษณะใกล้สถานีรถไฟฟ้า คาดว่าโครงการแรกจะเริ่มได้ที่ย่านร่มเกล้า แต่จะไม่สร้างล่วงหน้าเหมือนบ้านเอื้ออาทร
ส่วนที่มีผู้ติงว่า โครงการบ้านปฐมภูมิมีราคาเริ่มต้นสูงถึง 1.3 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการจับกลุ่มเป้าหมายผู้เริ่มทำงานใหม่กำลังสร้างครอบครัว เพราะเงินเดือนไม่ถึง เนื่องจากผู้เช่าซื้อจะกู้เงินจากธนาคารต้องมีเงินเดือนสูงถึง 30,000 บาท นั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า ตนต้องหารือเรื่องนี้กับ กคช.ให้ปรับโครงการเพื่อสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เบื้องต้นตั้งเป้าจะทำ 10,000 หน่วย ใช้งบประมาณ 10,000 ล้านบาท
สำหรับปัญหาแฟลตดินแดง ซึ่งล่าสุดมติคณะกรรมการ กคช.เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2551 เห็นว่าอาคารแฟลตไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ต่อไปนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า จากนี้ต้องรอคณะกรรมการ กคช.ชุดใหม่เพื่อพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 เดือน