“วิชาญ” ชูไอเดียตั้งศูนย์สมุนไพรบำบัด พาทัวร์ต่างชาติเข้าเยี่ยมชม เผยแพร่ชื่อเสียงสมุนไพรไทยเหมือนต่างประเทศ สั่งตั้งวอร์รูมศึกษางานแพทย์แผนไทยฯ บูรณาการศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สนับสนุนตั้ง “อโรคยาศาล” รักษาด้วยแพทย์แผนไทยฯ พร้อมให้กรมสุขภาพจิต ทำนโยบายสมานฉันท์ พันธมิตรฯ
วันนี้ (3 ก.ค.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ถือว่าเป็นกรมที่มีความสำคัญ ในการสืบสานการแพทย์แผนไทยฯ ไม่ให้ขาดหายไป โดยพัฒนาความรู้ด้านการแพทย์พื้นบ้านและสมุนไพรไทย เพิ่มพูนต่อยอดความรู้ ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน สามารถนำมาใช้ในระบบบริการสุขภาพควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยบูรณาการ การการวิเคราะห์ วิจัย ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือกรมวิชาการอื่นๆ เนื่องจากกรมพัฒนาการแพทย์ไทยฯ ยังขาดความพร้อม ทั้งกำลังคน เครื่องมือ เนื่องจากเพิ่งตั้งมาได้ประมาณ 6 ปี จะให้ความพร้อมทุกด้านเป็นเรื่องยาก
“มีแนวคิดที่จะต่อเชื่อมให้นักท่องเที่ยวรู้จักพืชสมุนไพรมากขึ้น หรือจัดตั้งศูนย์บำบัด ด้วยแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทยที่มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งอาจตั้งในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม แล้วนำทัวร์ต่างชาติเข้าเยี่ยมชม เพื่อให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างชาติมากขึ้น เช่นเดียวกับทัวร์ของต่างประเทศ ที่รัฐบาลมีข้อตกลงให้ทัวร์แถบเอเชียหรือต่างประเทศอื่น ต้องเข้าเยี่ยมชมสินค้าพื้นบ้าน สินค้าโอท็อปหรือยาสมุนไพรต่างๆ ของประเทศนั้นๆ โดยให้ประสานงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อาจมีการทำเอ็มโอยูร่วมกัน โดยได้มอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ตั้งวอร์รูมศึกษา 2 เรื่องนี้ เพื่อพัฒนาให้เป็นแผนระดับชาติ รวมทั้งแก้ไขข้อติดขัดทางกฎหมาย เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป”นายวิชาญกล่าว
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า สำหรับในเรื่องการพัฒนาระบบบริการรักษาพยาบาลประชาชนให้มีทางเลือกที่มีคุณภาพมากขึ้น มีนโยบายสนับสนุนให้ตั้งโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย หรืออาโรคยาศาล ซึ่งจะให้บริการชั้นสูง รับส่งต่อผู้ป่วย และใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัย ซึ่งจะเป็นหน่วยงานด้านการรักษาพยาบาลด้วยการแพทย์แผนไทยแห่งแรกในประเทศไทยด้วย สำหรับสถานที่ในการตั้งอโรคยาศาลนั้น นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยจะหารือกันในเร็วๆ นี้
จากนั้น นายวิชาญได้ตรวจเยี่ยมกรมสุขภาพจิต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย นายวิชาญ กล่าวว่า ปัญหาความแตกแยกของสังคมในปัจจุบันอยากให้กรมสุขภาพจิตหารือหาวิธีการที่จะสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งในขณะนี้สถานการณ์ความรุนแรงภาคใต้ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สถานการณ์ในเมืองไม่รู้จะเป็นอย่างไร
“คุยยังไงให้พันธมิตรฯ รู้เรื่อง ไม่ได้ว่านะครับ แต่ฝั่งรัฐบาลก็ต้องฟังว่า พันธมิตรฯ คิดอย่างไร เพราะถ้าทุกฝ่ายถูกต้องหมด เราจะอยู่กันอย่างไร โดยอาจออกเป็นนโยบายสมานฉันท์ในเมืองหลวงว่ามีความร้อนแรงขนาดไหน มีการพูดคุยกัน ไม่ใช่ตัดสินกันไม่ได้ก็ให้ศาลชี้”นายวิชาญกล่าว
วันนี้ (3 ก.ค.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ถือว่าเป็นกรมที่มีความสำคัญ ในการสืบสานการแพทย์แผนไทยฯ ไม่ให้ขาดหายไป โดยพัฒนาความรู้ด้านการแพทย์พื้นบ้านและสมุนไพรไทย เพิ่มพูนต่อยอดความรู้ ให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน สามารถนำมาใช้ในระบบบริการสุขภาพควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยบูรณาการ การการวิเคราะห์ วิจัย ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือกรมวิชาการอื่นๆ เนื่องจากกรมพัฒนาการแพทย์ไทยฯ ยังขาดความพร้อม ทั้งกำลังคน เครื่องมือ เนื่องจากเพิ่งตั้งมาได้ประมาณ 6 ปี จะให้ความพร้อมทุกด้านเป็นเรื่องยาก
“มีแนวคิดที่จะต่อเชื่อมให้นักท่องเที่ยวรู้จักพืชสมุนไพรมากขึ้น หรือจัดตั้งศูนย์บำบัด ด้วยแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทยที่มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งอาจตั้งในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงาม แล้วนำทัวร์ต่างชาติเข้าเยี่ยมชม เพื่อให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างชาติมากขึ้น เช่นเดียวกับทัวร์ของต่างประเทศ ที่รัฐบาลมีข้อตกลงให้ทัวร์แถบเอเชียหรือต่างประเทศอื่น ต้องเข้าเยี่ยมชมสินค้าพื้นบ้าน สินค้าโอท็อปหรือยาสมุนไพรต่างๆ ของประเทศนั้นๆ โดยให้ประสานงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อาจมีการทำเอ็มโอยูร่วมกัน โดยได้มอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ตั้งวอร์รูมศึกษา 2 เรื่องนี้ เพื่อพัฒนาให้เป็นแผนระดับชาติ รวมทั้งแก้ไขข้อติดขัดทางกฎหมาย เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป”นายวิชาญกล่าว
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า สำหรับในเรื่องการพัฒนาระบบบริการรักษาพยาบาลประชาชนให้มีทางเลือกที่มีคุณภาพมากขึ้น มีนโยบายสนับสนุนให้ตั้งโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย หรืออาโรคยาศาล ซึ่งจะให้บริการชั้นสูง รับส่งต่อผู้ป่วย และใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัย ซึ่งจะเป็นหน่วยงานด้านการรักษาพยาบาลด้วยการแพทย์แผนไทยแห่งแรกในประเทศไทยด้วย สำหรับสถานที่ในการตั้งอโรคยาศาลนั้น นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยจะหารือกันในเร็วๆ นี้
จากนั้น นายวิชาญได้ตรวจเยี่ยมกรมสุขภาพจิต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย นายวิชาญ กล่าวว่า ปัญหาความแตกแยกของสังคมในปัจจุบันอยากให้กรมสุขภาพจิตหารือหาวิธีการที่จะสร้างความสมานฉันท์ ซึ่งในขณะนี้สถานการณ์ความรุนแรงภาคใต้ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สถานการณ์ในเมืองไม่รู้จะเป็นอย่างไร
“คุยยังไงให้พันธมิตรฯ รู้เรื่อง ไม่ได้ว่านะครับ แต่ฝั่งรัฐบาลก็ต้องฟังว่า พันธมิตรฯ คิดอย่างไร เพราะถ้าทุกฝ่ายถูกต้องหมด เราจะอยู่กันอย่างไร โดยอาจออกเป็นนโยบายสมานฉันท์ในเมืองหลวงว่ามีความร้อนแรงขนาดไหน มีการพูดคุยกัน ไม่ใช่ตัดสินกันไม่ได้ก็ให้ศาลชี้”นายวิชาญกล่าว