“อภิรักษ์” สั่งเฝ้าระวังโรคติดต่อที่มากับหน้าฝนทั้งอุจจาระร่วง มือเท้าปาก ตาแดง พร้อมตั้งหน่วยเทศกิจเคลื่อนที่ sos แก้ไขปัญหารถเสียให้กับประชาชนบนท้องถนน และนำข้อมูลจราจร พยากรณ์อากาศลงให้บริการระบบ Wi-Fi อินเทอร์เน็ตไร้สาย 15,000 จุด ทั่ว กทม.เพื่อให้รู้ข้อมูล-วางแผนในการเดินทางได้สะดวก
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า ในช่วงหน้าฝนจะมีโรคติดต่อและโรคระบาดเกิดขึ้นมาก และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้สั่งการให้ศูนย์บริการสาธารณสุขชุมชน โรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 435 แห่ง ประสานหน่วย SRRT (Surveillance and Rapid Response Team) หรือทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วเพื่อเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก มือเท้าปาก อุจจาระร่วง ตาแดง ทั้งนี้ ทีม SRRT นี้จะมีหน้าที่ คือ 1.ตรวจจับภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังโรคติดต่อที่แพร่ระบาดได้รวดเร็ว รุนแรง 2.ออกสอบสวนโรคอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เพื่อควบคุมโรคฉุกเฉินหรือในระยะแรก เป็นการหยุดยั้งการแพร่ระบาด 3.เชื่อมโยงเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลเฝ้าระวังโรค และร่วมมือกันตรวจจับการระบาด
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตั้งหน่วย SOS หรือหน่วยเทศกิจเคลื่อนที่ในการเข้าไปช่วยเหลือปัญหาในเบื้องต้นอย่างเร่งด่วนแก่ประชาชนที่ประสบปัญหารถติด รถเสีย โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนัก ซึ่งจะมีเทศกิจสายตรวจชุมชนกว่า 300 นาย มาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เขตเพื่อช่วยเหลือซ่อมบำรุง แก้ไขจราจร ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วน 1555 และวิทยุอัมรินทร์ ขณะเดียวกัน จะทำงานประสานกับหน่วย BEST ของสำนักการโยธา (สนย.) และสำนักการระบายน้ำ (สนน.) เพื่อเข้าแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังผิวจราจรต่อไป พร้อมกันนี้จะนำข้อมูลการจราจร ปัญหาน้ำท่วมขัง พยากรณ์อากาศ ปริมาณน้ำฝนและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง ลงในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายของ กทม.(Green Bangkok Wi-Fi) ที่ร่วมกับบริษัทเอกชนในการให้บริการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายกับประชาชนฟรี ซึ่งมีจุดให้บริการมากถึง 15,000 จุดทั่ว กทม.เพื่อให้ประชาชนได้รับสอบข้อมูลและใช้ในการวางแผนการเดินทางได้ถูกต้องซึ่งอาจดูทางอินเทอร์เน็ต หรือผ่านมือถือก็ได้
นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กทม.ยังได้จำลองกรณีฝนตกในพื้นที่กทม.1,600 ตารางกิโลเมตร ถ้าตกตลอด 24 ชั่วโมง ในปริมาณ 200 มิลลิเมตร กทม.จะสามารถระบายน้ำได้เท่าใด ทั้งนี้ พบว่า ในฝั่งตะวันออกสามารถระบายน้ำได้ภายใน 40 ชั่วโมง ฝั่งตะวันตก 49 ชั่วโมง ซึ่งเท่าที่ผ่านมาโอกาสที่จะเกิดฝนตกขนาดนี้ยังไม่เคยมี อย่างไรก็ตาม กทม.มีระบบเชื่อมต่อการระบายน้ำ มีการจัดเตรียมปั๊มน้ำ เครื่องสูบน้ำ ไว้รองรับสถานการณ์แล้ว
