มหิดล เผยไทยเข้าสู่วิกฤตประชากร เพราะไม่สมดุลทางเพศ หญิงมากกว่าชายเกือบล้าน ส่งผลเป็นโสด แนวโน้มมีบุตรต่ำ เกิดปัญหาการสืบพันธุ์ กระทบโครงสร้างประชากรในอนาคต แถมสำรวจพบ ผู้หญิงไทย 1 ใน 5 มีเซ็กซ์ครั้งแรก เพราะถูกบังคับ มากสุดในเด็กอายุแค่ 10-14 ปี พฤติกรรมด้านเพศ ถุงยาง ไม่ใช่วัฒนธรรมอัตราใช้จึงไม่ 100%
รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงผลการจัดทำรายงาน “ประชากรและสังคม 2551” ว่า รายงานฉบับนี้ได้ชูมิติเรื่องเพศ ในประชากรและสังคม โดยได้ค้นพบเรื่องสำคัญ 3 ประการ ที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างสำคัญ คือ 1.เรื่อง ความไม่สมดุลทางเพศ โดย ศ.ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล เป็นผู้เขียนบทความเรื่องนี้ และระบุว่า จำนวนประชากรหญิงได้เพิ่มมากขึ้นกว่าประชากรชายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ปี 2503 จนประชากรหญิงเพิ่มมากกว่าประชากรชาย เกือบหนึ่งล้านคน และความไม่สมดุลนี้ อาจส่งผลให้เกิด “วิกฤตประชากร” ในระยะยาว คือ ปัญหาการแต่งงาน เจริญพันธุ์ โอกาสเป็นโสดมีมากขึ้น และแนวโน้มการมีบุตรน้อยลงต่ำกว่าระดับทดแทน ไม่ช้าหญิงไทย ก็จะมีบุตรเฉลี่ยเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาต่อการสืบพันธุ์ของไทย
รศ.ดร.กฤตยา กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 คือ การควบคุมเรื่องเพศและเพศวิถีที่เปลี่ยนไป พบสถานการณ์ที่สังคมไทยไม่เคยรับรู้กันมาก่อน คือ ขนาดของความรุนแรงทางเพศครั้งแรกที่ผู้หญิงไทยสูงมาก โดย 1 ใน 5 ของผู้หญิงไทย รวมทุกกลุ่มอายุ มีเซ็กซ์ครั้งแรกที่ตนเองไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ คือ ไม่ได้สมัครใจ ไม่ตั้งใจ และถูกบังคับ ที่น่าตกใจคือ สัดส่วนนี้จะสูงมากในกลุ่มเด็กอายุ 10-14 ปี หรือร้อยละ 46 โดยผู้กระทำการละเมิดทางเพศส่วนใหญ่ คือ คนที่สนิทสนม คุ้นเคย ได้แก่ สามี หรือ แฟน หรือเพื่อน
รศ.ดร.กฤตยา กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 3 คือ การใช้ถุงยางอนามัย ไม่ใช่วัฒนธรรมทางเพศของไทย จึงพบว่า คนไทยส่วนใหญ่จึงมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง โดยสถานการณ์นี้ เกิดในประชากรทุกกลุ่มที่ถูกศึกษาวิจัย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ติดเชื้อ พนักงานบริการหญิง คนทำงาน คนในชนบท และเยาวชน โดยคู่นอนจะเป็นคนคุ้นเคย สนิทใจ ไว้วางใจ และหรือรักใคร่กัน เช่น สามี ภรรยา แฟน เพื่อน กิ๊ก คู่ขาประจำ เป็นต้น ซึ่ง ศ.อภิชาต จำรัสฤทธิรงค์ ผู้ศึกษาเรื่องเซ็กซ์ของผู้สูงอายุ ระบุว่า ชายไทยกลุ่มผู้สูงอายุ มีไม่ถึงร้อยละ 70 ที่ใช้ถุงยางอนามัย
ด้าน รศ.ดร.สุรีย์พร พันพึ่ง ผู้อำนวยการสถาบันฯ กล่าวว่า สถาบันวิจัยประชากรและสังคม กำลังจะเริ่มจัดทำชุดงานวิจัยระดับชาติขนาดใหญ่เพื่อศึกษาถึงผลการเปลี่ยนแปลงประชากรด้านต่างๆ ที่กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการศึกษาในแนวสหสาขาวิชา ประเด็นสำคัญหนึ่งในนั้น คือ การศึกษาถึงความไม่สมดุลทางเพศและโลกทัศน์เรื่องเพศวิถีของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ว่า จะส่งผลต่อการก่อรูปของครอบครัวไทยแบบต่างๆ ในอนาคตอย่างไรบ้าง และเพื่อค้นหาแนวทางในการเสริมสร้างสุขภาวะทางเพศของคนไทยที่เป็นเรื่องของความสมัครใจ ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งหวังให้เด็กเกิดใหม่ทุกคน เกิดมาอย่างพ่อแม่มีความพร้อม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพประชากรในอนาคต
รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงผลการจัดทำรายงาน “ประชากรและสังคม 2551” ว่า รายงานฉบับนี้ได้ชูมิติเรื่องเพศ ในประชากรและสังคม โดยได้ค้นพบเรื่องสำคัญ 3 ประการ ที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างสำคัญ คือ 1.เรื่อง ความไม่สมดุลทางเพศ โดย ศ.ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล เป็นผู้เขียนบทความเรื่องนี้ และระบุว่า จำนวนประชากรหญิงได้เพิ่มมากขึ้นกว่าประชากรชายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ปี 2503 จนประชากรหญิงเพิ่มมากกว่าประชากรชาย เกือบหนึ่งล้านคน และความไม่สมดุลนี้ อาจส่งผลให้เกิด “วิกฤตประชากร” ในระยะยาว คือ ปัญหาการแต่งงาน เจริญพันธุ์ โอกาสเป็นโสดมีมากขึ้น และแนวโน้มการมีบุตรน้อยลงต่ำกว่าระดับทดแทน ไม่ช้าหญิงไทย ก็จะมีบุตรเฉลี่ยเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาต่อการสืบพันธุ์ของไทย
รศ.ดร.กฤตยา กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 คือ การควบคุมเรื่องเพศและเพศวิถีที่เปลี่ยนไป พบสถานการณ์ที่สังคมไทยไม่เคยรับรู้กันมาก่อน คือ ขนาดของความรุนแรงทางเพศครั้งแรกที่ผู้หญิงไทยสูงมาก โดย 1 ใน 5 ของผู้หญิงไทย รวมทุกกลุ่มอายุ มีเซ็กซ์ครั้งแรกที่ตนเองไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ คือ ไม่ได้สมัครใจ ไม่ตั้งใจ และถูกบังคับ ที่น่าตกใจคือ สัดส่วนนี้จะสูงมากในกลุ่มเด็กอายุ 10-14 ปี หรือร้อยละ 46 โดยผู้กระทำการละเมิดทางเพศส่วนใหญ่ คือ คนที่สนิทสนม คุ้นเคย ได้แก่ สามี หรือ แฟน หรือเพื่อน
รศ.ดร.กฤตยา กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 3 คือ การใช้ถุงยางอนามัย ไม่ใช่วัฒนธรรมทางเพศของไทย จึงพบว่า คนไทยส่วนใหญ่จึงมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง โดยสถานการณ์นี้ เกิดในประชากรทุกกลุ่มที่ถูกศึกษาวิจัย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ติดเชื้อ พนักงานบริการหญิง คนทำงาน คนในชนบท และเยาวชน โดยคู่นอนจะเป็นคนคุ้นเคย สนิทใจ ไว้วางใจ และหรือรักใคร่กัน เช่น สามี ภรรยา แฟน เพื่อน กิ๊ก คู่ขาประจำ เป็นต้น ซึ่ง ศ.อภิชาต จำรัสฤทธิรงค์ ผู้ศึกษาเรื่องเซ็กซ์ของผู้สูงอายุ ระบุว่า ชายไทยกลุ่มผู้สูงอายุ มีไม่ถึงร้อยละ 70 ที่ใช้ถุงยางอนามัย
ด้าน รศ.ดร.สุรีย์พร พันพึ่ง ผู้อำนวยการสถาบันฯ กล่าวว่า สถาบันวิจัยประชากรและสังคม กำลังจะเริ่มจัดทำชุดงานวิจัยระดับชาติขนาดใหญ่เพื่อศึกษาถึงผลการเปลี่ยนแปลงประชากรด้านต่างๆ ที่กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการศึกษาในแนวสหสาขาวิชา ประเด็นสำคัญหนึ่งในนั้น คือ การศึกษาถึงความไม่สมดุลทางเพศและโลกทัศน์เรื่องเพศวิถีของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ว่า จะส่งผลต่อการก่อรูปของครอบครัวไทยแบบต่างๆ ในอนาคตอย่างไรบ้าง และเพื่อค้นหาแนวทางในการเสริมสร้างสุขภาวะทางเพศของคนไทยที่เป็นเรื่องของความสมัครใจ ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ โดยมุ่งหวังให้เด็กเกิดใหม่ทุกคน เกิดมาอย่างพ่อแม่มีความพร้อม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพประชากรในอนาคต
