วันแรกหญิงไทยได้สิทธิเลือกคำนำหน้าชื่อ “นาง-นางสาว” ได้ปรากฏบรรยากาศ สนง.เขต-อำเภอ ทั่ว กทม.และ ตจว.คึกคัก มีผู้หญิงหลายคนให้ความสนใจเดินทางไปใช้สิทธิ ผู้สื่อข่าวระบุ ส่วนใหญ่เป็นหญิงสมรสแล้วหย่า อายุ 30 ปี ขึ้นไป
วันนี้ (4 มิ.ย.) นับเป็นวันแรกที่ พระราชบัญญัติคำนำหน้านามหญิง พ.ศ.2551 เริ่มมีผลบังคับใช้ เพื่อให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการใช้คำนำหน้านามและชื่อสกุลได้ตามความสมัครใจ ทำให้มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจและเดินทางมายังเขตเพื่อขอใช้สิทธิ์ดังกล่าว
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อน 08.00 น.ในหลายสำนักงานเขต ก็มีบรรดาสุภาพสตรีที่ต้องการจะใช้สิทธิดังกล่าว เดินทางมารอเวลาการเปิดทำงาน ขณะที่การให้บริการของเจ้าหน้าที่กลับขลุกขลัก และใช้เวลานานพอสมควรในการดำเนินการ เนื่องจากเป็นวันแรกจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูระเบียบ ปฏิบัติต่างๆ ให้รอบคอบ โดยในบางเขตพื้นที่ติดขัดที่โปรแกรมที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ แต่ก็ได้มีการติดต่อไปที่สำนักงานทะเบียนและปกครองกทม.เพื่อแก้ไขปรับปรุงแล้ว
ซึ่งจากการสอบถามไปยังสำนักงานเขตหลายพื้นที่ กทม.พบว่า จนกระทั่ง 12.00 น.ได้มีผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อจากสำนักงานเขตแล้วหลายราย อาทิ เขตจตุจักร 4 ราย, เขตดอนเมือง 7 ราย, เขตดุสิต 2 ราย, เขตบางกอกน้อย 2 ราย, เขตห้วยขวาง 8 ราย โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เดินทางมาใช้สิทธิเปลี่ยนคำนำหน้านามนี้ จะเป็นผู้ที่สมรสแล้วหย่า และมีอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ยกเว้นในเขตบางแคเท่านั้นที่มีผู้มีใช้สิทธิทั้งสิ้น 6 ราย และบางรายมาจดทะเบียนสมรสและขอเลือกใช้สิทธิยังใช้คำนำหน้าชื่อเป็นนางสาว และขอใช้นามสกุลเดิมของตัวเอง
สำหรับบรรยากาศในต่างจังหวัดก็คึกคักไม่แพ้กัน อาทิ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีหญิงม่ายจำนวนมากเดินทางมาที่ทำการอำเภอ ขอเปลี่ยนคำนำหน้ากันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่บอกว่าดีใจที่ได้กลับมาใช้นางสาวอีกครั้ง บางคนบอกว่ารอเวลานี้มานานถึง 15 ปี
ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนผู้เปลี่ยนคำนำหน้าตัวเองไปแล้ว ขอให้แก้ไขเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายให้ถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเสียสิทธิ์ หรือประโยชน์ที่พึงได้ไปโดย ผู้มาขอใช้สิทธิ์กล่าวว่า การขอคำนำหน้าชื่อใหม่ ถือเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่ผู้หญิงควรได้สิทธิ์เลือกใช้ จึงอยากเรียกร้องให้สังคมไทย โดยเฉพาะผู้ชายเข้าใจด้วย
