กทม.ผุดโครงการ ประหยัดเงิน ประหยัดพลังงาน ใช้บริการแท็กซี่ หวังลดการใช้พลังงาน และลดค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ 1 คันเกือบ 3 หมื่นบาท ขณะเดียวกัน ผุดไอเดียรถตู้ 1 คัน รับคนในหมู่บ้านไปทำงานพร้อมกัน
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตพลังงาน ว่า ในที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (สยป.) กทม.รายงานตัวเลขการใช้ไฟฟ้า พลังงานต่างๆ ของแต่หน่วยงานโดยแยกเป็นประเภทอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เพื่อนำมาสรุปหารือถึงแนวทางลดการใช้พลังงานในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานในวันพฤหัสบดีที่ 29 พ.ค.นี้ ตลอดจนความคืบหน้าการปรับเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันไบดีเซล ในส่วนการลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จะมีการประสานกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาจุดจอดรถเพิ่มตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงประสานงานกับมูลนิธิเมาไม่ขับและเครือข่ายรถแท็กซี่จัดโครงการ ประหยัดเงิน ประหยัดพลังงาน ใช้บริการแท็กซี่ ซึ่งหากทุกคนหันมาใช้บริการรถแท็กซี่ก็จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ 1 คัน ได้ประมาณ 15,000-23,500 บาท โดยแยกเป็นค่าน้ำมันเดือนละ 6,000-10,000 บาท ค่าจอดรถ 1,000-1,500 บาท ค่าบำรุงรักษา 1,000-2,000 บาท หรือหากมีคนขับรถก็จะเสียค่าใช้จ่าย 7,000-8,000 บาท
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะประสานกับเครือข่ายผู้ประกอบการรถตู้ จัดโครงการคาร์พูล โดยศึกษาข้อมูลคนทำงานในย่านต่างๆ หรือหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชน ในความต้องการใช้รถตู้เดินทางจากชุมชน หรือหมู่บ้านมาทำงาน ซึ่งจะมีการหารือกับสมาคมผู้ประกอบการรถตู้ภายในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เชิญประชุมเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนและโรงเรียนในย่านที่มีการาจราจรหนาแน่อย่างถนนสุขุมวิท สาทร สีลม สามเสน เพื่อหาทางออกร่วมกันในการผลักดันให้หันมาใช้โครงการรถโรงเรียนมากขึ้น รวมถึงการดำเนินโครงการรถจักรยานให้ต่อเนื่อง โดย กทม.จัดจุดจอดรถจักรยาน เส้นทางจักรยาน พร้อมรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้หันมาใช้รถจักรยานอย่างต่อเนื่อง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤตพลังงาน ว่า ในที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (สยป.) กทม.รายงานตัวเลขการใช้ไฟฟ้า พลังงานต่างๆ ของแต่หน่วยงานโดยแยกเป็นประเภทอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เพื่อนำมาสรุปหารือถึงแนวทางลดการใช้พลังงานในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานในวันพฤหัสบดีที่ 29 พ.ค.นี้ ตลอดจนความคืบหน้าการปรับเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันไบดีเซล ในส่วนการลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จะมีการประสานกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาจุดจอดรถเพิ่มตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงประสานงานกับมูลนิธิเมาไม่ขับและเครือข่ายรถแท็กซี่จัดโครงการ ประหยัดเงิน ประหยัดพลังงาน ใช้บริการแท็กซี่ ซึ่งหากทุกคนหันมาใช้บริการรถแท็กซี่ก็จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ 1 คัน ได้ประมาณ 15,000-23,500 บาท โดยแยกเป็นค่าน้ำมันเดือนละ 6,000-10,000 บาท ค่าจอดรถ 1,000-1,500 บาท ค่าบำรุงรักษา 1,000-2,000 บาท หรือหากมีคนขับรถก็จะเสียค่าใช้จ่าย 7,000-8,000 บาท
นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะประสานกับเครือข่ายผู้ประกอบการรถตู้ จัดโครงการคาร์พูล โดยศึกษาข้อมูลคนทำงานในย่านต่างๆ หรือหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชน ในความต้องการใช้รถตู้เดินทางจากชุมชน หรือหมู่บ้านมาทำงาน ซึ่งจะมีการหารือกับสมาคมผู้ประกอบการรถตู้ภายในสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) เชิญประชุมเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนและโรงเรียนในย่านที่มีการาจราจรหนาแน่อย่างถนนสุขุมวิท สาทร สีลม สามเสน เพื่อหาทางออกร่วมกันในการผลักดันให้หันมาใช้โครงการรถโรงเรียนมากขึ้น รวมถึงการดำเนินโครงการรถจักรยานให้ต่อเนื่อง โดย กทม.จัดจุดจอดรถจักรยาน เส้นทางจักรยาน พร้อมรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้หันมาใช้รถจักรยานอย่างต่อเนื่อง