เรื่องโดย...นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ)
ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์อายุรวัฒน์
(American Board of Anti-aging medicine)
drkrisda@gmail.com
ตอนนี้กระแสโอลิมปิกหรือปักกิ่งเกมส์กำลังมาแรงแม้ว่าคบเพลิงจะมีหายไปบางระยะแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากเลยครับ ไม่ใช่เรื่องคบเพลิงหายนะครับแต่หมายถึงเรื่องที่อิทธิพลของโอลิมปิกที่ทำให้ชาวเอเชียเราตื่นตัวกระฉับกระเฉงอยากลุกขึ้นมากดรีโมตเปิดทีวีดู เอ๊ย!...ไม่ใช่ ลุกขึ้นมาออกกำลังกายตามกันมากขึ้น เพราะแต่ดั้งเดิมนั้นกีฬาโอลิมปิกอันศักดิ์สิทธิ์ที่กรีกจัดถวายเป็นเทวบูชาแด่วงศ์เทพโอลิมปุสนั้นเขามีการจำกัดคนดูด้วยนะครับ โดยจะไม่ให้สุภาพบุรุษที่มีอายุตั้งแต่สามสิบขึ้นไปและยังไม่ได้แต่งงานเข้าชม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด จะกลัวเกิดความรู้สึกวาบหวิวเกินไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ด้วยว่านักกีฬากรีกสมัยนั้นต้องเปลือยกายแข่ง ก็เอาเป็นว่าปักกิ่งเกมส์ครั้งนี้ก็คงจุดกระแสการออกกำลังอย่างจริงจังได้ด้วย นอกจากกระแสตุ๊กตามาสค็อตปลอมทั้งห้าตัวที่ขณะนี้มีเกลื่อนตลาดแล้ว(โฮ!)
ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่าเหตุใดผมถึงโหมโรงตอนนี้ด้วยการออกกำลังกาย ก็ด้วยว่าปัจจัยต้นๆ ที่ทำให้เราแก่เร็วคือภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนที่เกิดจากการไม่ออกกำลังกายและโปรดปรานการกินครับ โดยบางท่านอาจบอกว่าอย่างอื่นก็ทำให้แก่เร็วเหมือนกันนะเช่นค่าน้ำมันที่ขึ้นไม่หยุด, ข้าวที่แพงขึ้นราวกับมีกับข้าวรวมอยู่แล้ว หรือข่าวดีที่ ส.ส.ไทยอุตส่าห์ทำงานจนเกินคุ้มกับเงินเดือนด้วยการหัดลูกเตะแบบสกายคิกส์ไปพลางๆ ด้วย แต่แท้ที่จริงแล้วนั้นสิ่งที่ทำให้เราแก่เร็วมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ และที่อย่างที่สำคัญก็อยู่กับตัวเราด้วย นั่นคือเรื่องของ “น้ำหนัก” ที่ไม่เข้าใครออกใครครับ และสาเหตุของ “น้ำหนักที่เป็นภัย” นั้นก็มาจากปัจจัยสามประการหลัก ได้แก่
1) โอษฐภัย ได้แก่ของอร่อยนานาประการ (โดยเฉพาะแป้งและน้ำตาล)
2) โรคขยับตัวน้อย
3) โรคที่เลือกไม่ได้ เช่น อ้วนกันเป็นมรดกประจำครัวเรือนอยู่แล้ว, เป็นโรคต่อมหมวกไต, โรคเนื้องอกบางอย่างและโรคไทรอยด์ขี้เกียจทำงาน
ซึ่งเราคงต้องเน้นการดูแลทั้งสามปัจจัยนี้ให้ดี ยกเว้นปัจจัยข้อสุดท้ายที่คงต้องอาศัยการทำใจให้สมานฉันท์อยู่กับมันอย่างเป็นสุข แต่อย่างไรก็ดีการจะประสบความสำเร็จในการจะลดน้ำหนักและคงระดับน้ำหนักตัวที่ดีนั้นไว้ให้ยั่งยืนนั้นเราจะเลือกดูแลเฉพาะข้อใดข้อหนึ่งคงไม่ดีเป็นศรีแก่พุงกะทินัก ด้วยว่าตัวเราไม่ใช่ลูกโป่งหรือโอ่งมังกรที่มีทางเข้าออกทางเดียว จะทำให้ลูกโป่งแฟบก็แค่ปล่อยลมออกคงไม่ใช่เช่นนั้น แต่ตัวเราเป็นเสมือนกลุ่มก้อนของสารเคมีมารวมกัน ดังนั้นการที่จะลดความอ้วนก็คือเอาสารเคมีที่เรียกว่าไขมันออกไปนอกกายนั้นก็ต้องมีกระบวนการที่จะไปเพิ่มการเผาผลาญทางเคมีเช่นกัน โดยวิธีการแรกคือการไม่เพิ่มสารเคมีอร่อยๆโดยขอให้ท่องไว้เป็นหลักเลยคือ “แป้งและน้ำตาล” ครับ
ถ้าจำกัดข้าว, ขนมปังและของหวานลงวันละ 50 เปอร์เซ็นต์นั้นจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้เดือนหนึ่งเกือบ 5 กิโลกรัมทีเดียวครับ แต่ทั้งนี้ต้องขอไว้อีกอย่างว่า “อย่าอดอาหารแต่เพียงอย่างเดียว” เด็ดขาดครับ เพราะนั่นเป็นวิธีกระตุ้นให้คุณได้ค้นฟ้าคว้าดาวสู่ตำแหน่งธิดาช้างได้ง่ายขึ้นด้วยว่าสิ่งที่ถูกสลายไปนั้นคือกล้ามเนื้อซึ่งเป็นของดีที่ช่วยเผาผลาญไขมันอย่างมากครับ
แต่อย่างไรก็ดีบางทีการอดอาหารก็เป็นสิ่งยากด้วยว่าเราต้องอยู่ในสภาพสังคมเช่นนี้ที่เจออะไรต้องกินเลี้ยงปากท้องไว้ก่อน และวันๆต้องเอาแต่นั่งเอ้เต้ทำงานอย่างเดียวเพราะถ้าจะให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายก็กะไรอยู่เพราะเป็นออฟฟิศกลางกรุงไม่ใช่กลางนาที่จะลุกมาเต้นกำรำเคียวรอบกองฟางได้ ดังนั้นถ้าคุณหาของกินที่สะดวกและมาสอดรับกับวิถีการกินประจำวันของคุณโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงมากนั้นได้ก็จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ดีที่สุดครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งบริหารไป บ่นไป ชวนเศร้าใจกับบ้านเมือง เอ๊ย...กินไป บ่นไป แล้วก็อ้วนไปด้วย ซึ่งอาหารกลุ่มที่จะตอบโจทย์ลดอ้วนของคุณได้นี้ก็จะมีอยู่หลักๆดังนี้ครับ คือ
1) อาหารกลุ่มเส้นใยที่ช่วยดูดซับไขมันและทำให้อิ่มเร็ว
2) อาหารกลุ่มที่ช่วยการเผาผลาญ
อาหารจำพวกเส้นใยก็มีมากมายครับเช่น ผักคะน้า, สับปะรด, แอปเปิ้ล แต่ไม่ใช่ทุเรียนหมอนทองหรือชะนีไข่นะครับ แต่ต้องกินให้ได้สักวันหนึ่งราวครึ่งกิโลกรัมแต่ไม่ต้องถึงขนาดกินมังคุดทั้งเปลือกนะครับ ส่วนอาหารกลุ่มที่ช่วยการเผาผลาญนี้ก็มีเช่น ชาเขียวซึ่งช่วยเผาผลาญอาหารโดยการเร่งร่างกายให้สลายอาหารดีขึ้นด้วยกระบวนการธรรมชาติจึงปลอดภัยกว่าคาเฟอีนจากกาแฟเพียวๆ ถัดมาก็ได้แก่พริกและกระเทียมซึ่งมีฤทธิ์เผ็ดร้อนชวนเผาไปถึงปากคอด้วย
โดยทั้งนี้เทคนิกการกินก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่อย่าไปกินรวมกันกันหมดเพราะคุณจะท้องเสียกราวรูดและคงหน้าซีดดูไม่จืดราวกับถูกไซโคลนถล่ม นอกจากนั้นยังมีข้อแม้สำคัญอีกอย่างประการหนึ่งครับคืออย่ารู้สึกผิดมากถ้าท่านเผลอกินอาหารต้องห้ามเข้าไป เพราะตามหลักการของเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ต้านแก่ก็คือต้องการให้คุณปฏิบัติได้อย่างสบายใจที่สุดรู้สึกกลืนผสานเข้าไปในวิถีชีวิตของคุณเอง ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมและเมื่อถึงตอนนี้ผมก็ทราบดีแล้วว่าทุกท่านก็ย่อมมี “ความตระหนักในเรื่องการกิน”เป็นอย่างดีแล้ว หลุดกฎไปบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่เป็นไรหรอกครับแต่คอยหักแต้มตัวเองไว้ หรือถ้าท่านจะเข้มแข็งแสดงสปิริตถ่ายรูปตอนกินทุเรียนหรือข้าวขาหมูไว้เตือนตัวก็ยังได้ครับ แต่ไม่ต้องส่งไปให้คุณตำรวจจราจรท่านดูประเดี๋ยวจะถูกตักเตือนว่า “อ้วนไม่ขับ” เดี๋ยวพุงค้ำพวงมาลัย แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าเป็นทุกขเวทนาหนักราวกับหาสินค้าธงฟ้าในการหาอาหารเช่นว่านี้รับประทาน อาหารเสริมก็อาจเข้ามาเป็นคำตอบได้ครับโดยต้องขอเน้นว่าต้องเป็นธรรมชาติและได้ปริมาณสารอาหารที่เหมาะสมไม่ใช่ได้แต่เส้นใยเปล่ากินไปแล้วผอมจริงแต่แห้งเหี่ยวหัวโตราวกับเด็กพม่ารอถุงยังชีพ จากสภาพชีวิตในปัจจุบันผมทราบดีครับว่าท่านผู้อ่านคงต้องปรารถนาในสิ่งที่รวดเร็วทำแล้วเห็นผลทันตาและที่สำคัญราคาต้องประหยัดโดนใจด้วยจึงขอนำ “สูตรสำเร็จลดอ้วนต้านพิษเศรษฐกิจ” มาแนะนำกันดังนี้ครับ
1) ถ้าอยากลดน้ำหนักขอให้ ท่องคำต้องห้ามไว้สองคำคือ “แป้ง” และ “น้ำตาล” ถ้าลดได้จะทำให้น้ำหนักคุณลดลงได้หลายกิโลในหนึ่งเดือน
2) เสริมด้วยแป้งเชิงซ้อนที่มีเส้นใยล้างไขมันแทนเช่น ข้าวโอ้ต, ลูกเดือย หรือข้าวเม่า(คลุก)สลับกันไป
3) สูตรล้างไขมันที่ชะงัดดีคือ กินหัวหอมวันละครึ่งหัว, ปลาทูวันละสองตัวให้อิ่มแทนข้าวตบท้ายด้วยฝรั่งหรือแอปเปิ้ลทุกมื้อและห้ามกินหลังหกโมงเย็น (ถ้าหิวให้กินนมถั่วแหลืองได้ครับ)
4) วิ่งสลับกับซิทอัพทุกวันวันละครึ่งชั่วโมง อย่างน้อยห้าครั้งต่อสัปดาห์
5) วินัยกับตัวเองครับ ถ้าทำได้ดังว่ามาครบหนึ่งสัปดาห์อาจให้รางวัลตัวเองงดออกกำลังกายได้วันหนึ่งครับ แล้วต่อมาก็รอให้ครบเดือนแล้วค่อยให้รางวัลตัวเอง
โดยสูตรที่ว่านี้ถ้าท่านทำได้จริง ไม่งอแงเสียก่อนถึงฝั่งฝันนะครับ ก็จะทำให้ลดน้ำหนักได้ราว 2-3 กิโลกรัมในหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นปริมาณที่ทำให้ท่านยังดูมีน้ำมีนวลสุขภาพดีเรียกว่า เสื้อผ้าหน้าผม ลุคส์ยังไม่เปลี่ยน ไขมันไม่หดหายมากไปให้ท่านดูตัวเหี่ยวโทรมมะนังยังกับเป็นมะเร็ง ถึงกระนั้นก็ดีถ้าบางท่านยังไม่แน่ใจในศักยภาพตัวเองที่จะ “ลดห่วงยาง” ได้ บางทีการให้สัญญากับตัวเองก็เป็นเคล็ดวิธีที่ดีนะครับ เป็นการกระตุ้นตัวเองกลายๆแต่ไม่ต้องถึงขนาดลงทุนสบถสาบานโดยอ้างแม่ใครนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นข่าวดังเอา เชื่อแน่ว่าถ้าเพียงคุณทำได้ดังนี้ก็จะรู้ว่าวิธีลดน้ำหนักง่ายๆนั้นไม่ได้ too good to be true จนเกินไปเลยจริงๆ ครับ และถ้าเมื่อใดที่ลดน้ำหนักลงจนกลับมาสู่ปกติได้แล้วเมื่อนั้นคุณจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนุ่มสาวขึ้นได้จริงๆ ขอให้ช่วยกันลองทำดูนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่าการลดน้ำหนักที่จริงนั้น
สามารถ “กินไป สุขไป(ไม่ต้องบ่น)” ก็ได้ไม่ยากเลย
ขอบอกเล่าเก้าสิบให้กับคุณผู้อ่านที่สนใจนวัตกรรมใหม่ๆทางด้านการต้านความชราไว้ด้วยว่าทาง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (TCELS) ได้ร่วมกับสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ(International Anti-Aging Medicine Institute,IAAMI) ที่ผมเป็นผู้อำนวยการอยู่ทำการจัดนิทรรศการใหญ่ภายใต้ชื่อ TCELS Day ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคมนี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีการเปิดตัวความก้าวหน้าทางด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์ในประเทศไทย แล้วพบกันให้ได้นะครับ